2) รั้วอิฐบล๊อค โครงสร้างของเสาและคานเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก ผนังรั้วใช้อิฐ บล๊อค ซึ่งมีหลายแบบหลายขนาด ทั้งทึบและโปร่ง จะมีอายุการใช้งานได้นาน การซ่อมแซมเพียงทาสีใหม่ เมื่อสีเก่าจางไป
3) รั้วเหล็ก หรือรั้วอัลลอยด์ โครงสร้างของเสาคานอาจจะเป็นคอนกรีตเสริมเหล็ก หรือเสาเหล็กได้ ส่วนผนังนั้นใช้เหล็กกั้น มีความแข็งแรงและทนทานได้ดี จะมีอายุการใช้งานได้นาน แต่ต้องขึ้นอยู่กับการดูแลรักษาด้วย สำหรับบ้านที่อยู่ใกล้ทะเลไม่ควรทำรั้วแบบนี้ เพราะไอน้ำเค็มจากทะเล จะทำให้รั้วเป็นสนิมเร็วขึ้น ทำให้อายุการใช้งานสั้นลง
5. เฟอร์นิเจอร์ ในสวน หมายถึงวัสดุต่าง ๆ ที่นอกเหนือไปจากต้นไม้ และวัสดุปูพื้นที่ใช้ตกแต่งในบริเวณสวน เป็นองค์ประกอบที่ทำให้เกิด จุดเด่น จุดน่าสนใจ หรือไว้ใช้งานใสบางครั้ง ซึ่งแบ่งออกได้ดังนี้
1) หิน หินใช้มาตกแต่งสวนนั้นจะต้องใช้หินชนิดเดียวกัน แต่ให้แตกต่างกันที่ขนาด ไม่ควรใช้หินหลากหลายชนิดในพื้นที่เดียวกัน หินที่นิยมใช้ในการจัดสวนคือ หินภูเขา หินแม่น้ำ หินทะเล หินกาบ หินชั้น หินแผ่น โดยทั่วไปแล้ว มักใช้หินนำมาจัดเป็นสวนหย่อม ซึ่งนิยมใช้หินก้อนใหญ่ ๆ ประกอบกับไม้คลุมดิน หรือจัดเป็นสวนหิน ซึ่งนิยมจัดในบริเวณที่ไม่สามารถปลูกหญ้าได้ หรือในพื้นที่ขนาดเล็ก การจัดสวนหินนี้ นอกจากมีหินใหญ่เป็นประธานแล้ว ยังต้องใช้กรวดก้อนเล็ก ๆ ประกอบด้วย นอกจากนี้อาจใช้หินตกแต่งเป็นทางเท้าโดยมากนิยมใช้หินแผ่น หรือใช้หินปูบริเวณโคนต้นไม้เพื่อแยกสนามหญ้าออกจากโคนต้นไม้ใหญ่ เพื่อสะดวกในการตัดหญ้าหรือปูรองรับบริเวณที่น้ำฝนตกลงกระทบ เพื่อลดการกระแทกของน้ำฝนกับผิวหน้าดิน
2) เก้าอี้ชุดสนามและม้านั่งต่าง ๆ จัดเป็นเฟอร์นิเจอร์ชิ้นสำคัญในสวน ไม่ว่าจะมีสวนประเภทใดขนาดเท่าใดมักจะมีเก้าอี้สนามกันทั้งนั้น เพราะการมีเก้าอี้สนามไว้ในสวนแสดงให้เห็นถึงการเชื้อเชิญให้หยุดพักผ่อน และนั่งเล่น ดังนั้น เก้าอี้ชุดสนามควรมีอายุการใช้งานที่นานปี ทนแดดทนฝนได้ดี ส่วนมากจะทำมาจากวัสดุ ประเภท ไม้ หินขัด หินธรรมชาติ เหล็กหล่อ อัลลอยด์ ผ้าใบ พลาสติก ฯลฯ หรืออาจจะเป็นสิ่งที่ประดิษฐ์มาจากวัสดุที่เหลือใช้ภายในบ้านได้
เก้าอี้ชุดสนามมักประกอบไปด้วย โต๊ะและเก้าอี้ 4 ตัว จัดวางไว้บริเวณลานพักผ่อนที่จะนั่งเล่น หรือตามเทอร์เรส ใช้นั่งรับประทานอาหารว่างยามบ่าย จัดไว้ในบริเวณศาลาในสวน ลานโคนต้นไม้ หรือจัดให้กลางสนามใต้ร่มไม้ ซึ่งบริเวณที่จัดวางชุดสนามนี้ ควรปูพื้นแข็งรองรับก่อนทำให้สามารถใช้งานได้ทุกฤดูกาล
ม้านั่งโดยทั่วไปมีทั้งเป็นชุดและตัวเดี่ยว ซึ่งกว้างประมาณ 40 เซนติเมตร ยาวประมาณ 1 เมตร สามารถยกไปตั้งตามทางเดิน ใต้ต้นไม้ ริมสระน้ำ หรือที่ใดที่หนึ่งที่เราพอใจไว้นั่งตามลำพัง เมื่อต้องการความเป็นส่วนตัว
3) รูปปั้น การนำรูปปั้นมาตกแต่งสวนนั้น เป็นวิธีการเรียกร้องความสนใจอีกอย่างหนึ่งซึ่งเป็นองค์ประกอบที่บังคับให้คนมอง โดยเฉพาะรูปปั้นที่เป็นรูปคนมักจะเป็นจุดสนใจสร้างจินตนาการให้ระลึกถึงอดีตเป็นงานศิลปะ ที่มีค่ามากในการนำมาตกแต่งสวน โดยทั่วไปแล้วรูปปั้นมักจะทำมาจากดินเผา หิน ทองแดง เหล็ก หินอ่อน ไม้ ไฟเบอร์ บรอนซ์ และวัสดุอื่น ๆ อีกมากมาย
ในพื้นที่แคบ ๆ ไม่ควรใช้รูปแบบคลาสสิค ควรใช้รูปปั้น Abstarct ซึ่งทำด้วยโลหะ จะมีลักษณะมันวาว ทำให้พื้นที่ดูกว้างขึ้น การจัดวางรูปปั้น ก็ต้องคำนึงถึงมุมมอง อย่าวางรูปปั้นให้หลบซ่อนเกินไปควรมีฉากหลังที่ทำให้รูปปั้นดูเด่นขึ้น ต้นไม้ที่ใช้ควรมีรูปทรงที่สะดุดตา เช่นสนเลื้อย เศรษฐีไซ่ง่อน ซุ้มกระต่ายด่าง และไม้ประดับต่าง ๆ ถ้าบ้านเป็นแบบคลาสิค เสาโรมันจำลอง ฯลฯ หรือถ้าบ้านแบบทันสมัย จะใช้รูปปั้นได้กว้างขวางกว่าไม่ว่าแบบคลาสิคหรือแบบ Abstarct สำหรับบ้านทรงไทยมักจะใช้โอ่งบ้านเชียง สังคโลก หรือล้อเกวียนมาตกแต่ง ส่วนสวนญี่ปุ่น และสวนจีน มักจะใช้ตะเกียง สะพานเล็ก ๆ และอ่างน้ำ เป็นต้น
4) กระถาง หรือ ภาชนะบรรจุต้นไม้ต่าง ๆ เป็นองค์ประกอบที่ช่วยเสริมบริเวณสวนให้ดูสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น ส่วนมากกระถางจะทำมาจากดินเผาเคลือบ ซึ่งการจัดสวนที่ใช้กระถางเป็นองค์ประกอบนั้น จะมีความยืดหยุ่นสูง เพราะสามารถสับเปลี่ยนได้ตลอดเวลา แม้แต่กระถางที่มีต้นไม้บรรจุอยู่ก็สามารถเปลี่ยนไปตามฤดูกาลได้อีกด้วย กระถางที่ดีควรมีรูระบายน้ำด้วย5) น้ำและไฟในสวน น้ำเป็นสิ่งที่เสริมสร้างความรื่นรมย์แก่ผู้ใช้เป็นอย่างมาก เสียงหรือแสงระยิบระยับของน้ำยามต้องแสงแดด หรือเงาที่สะท้อนตามพื้นน้ำจะช่วยให้สวนมีชีวิตชีวามากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นสระน้ำ น้ำพุ หรือน้ำตก ถ้าไม่ใหญ่โตเกินไปนัก เจ้าของบ้านสามารถทำขึ้นเองได้ โดยใช้ปั้มขนาดเล็กวางไว้ก้นสระ หรือที่เรียกกันว่า Submersible Water Pump (ได้โว่) ซึ่งจะดูดน้ำเข้าผ่านระบบกรองในตัว จากนั้นน้ำจะถูกปั้มผ่านท่อยางไปยังหัวน้ำพุ หรือไปยังน้ำตกที่เตรียมไว้ หัวน้ำพุนี้สามารถถอดเปลี่ยนเป็นแบบต่าง ๆ ได้ตามความต้องการส่วนน้ำตก ถ้าเจ้าของบ้านมีมุมเล็ก ๆ และต้องการที่จะทำเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น