วันศุกร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2554

กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี


ทำไมต้องเรียนการงานอาชีพและเทคโนโลยี
กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยีเป็นกลุ่มสาระที่ช่วยพัฒนาให้ผู้เรียน                      มีความรู้  ความเข้าใจ   มีทักษะพื้นฐานที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต    และรู้เท่าทันการเปลี่ยนแปลง     สามารถนำความรู้เกี่ยวกับการดำรงชีวิต   การอาชีพ  และเทคโนโลยี  มาใช้ประโยชน์ในการทำงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ และแข่งขันในสังคมไทยและสากล   เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ   รักการทำงาน  และมีเจตคติที่ดีต่อการทำงาน   สามารถดำรงชีวิตอยู่ในสังคมได้อย่างพอเพียง                 และมีความสุข 
เรียนรู้อะไรในการงานอาชีพและเทคโนโลยี
                  กลุ่มสาระการเรียนรู้การงานอาชีพและเทคโนโลยี  มุ่งพัฒนาผู้เรียนแบบองค์รวม  เพื่อให้มีความรู้ความสามารถ  มีทักษะในการทำงาน   เห็นแนวทางในการประกอบอาชีพและการศึกษาต่อ               ได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีสาระสำคัญ  ดังนี้ 
·       การดำรงชีวิตและครอบครัว   เป็นสาระเกี่ยวกับการทำงานในชีวิตประจำวัน  ช่วยเหลือตนเอง   ครอบครัว   และสังคมได้ในสภาพเศรษฐกิจที่พอเพียง   ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม   เน้นการปฏิบัติจริงจนเกิดความมั่นใจและภูมิใจในผลสำเร็จของงาน  เพื่อให้ค้นพบความสามารถ  ความถนัด และความสนใจของตนเอง
·      การออกแบบและเทคโนโลยี   เป็นสาระการเรียนรู้ที่เกี่ยวกับการพัฒนาความสามารถของมนุษย์อย่างสร้างสรรค์   โดยนำความรู้มาใช้กับกระบวนการเทคโนโลยี    สร้างสิ่งของ  เครื่องใช้  วิธีการ  หรือเพิ่มประสิทธิภาพในการดำรงชีวิต
·      เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร  เป็นสาระเกี่ยวกับกระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศ   การติดต่อสื่อสาร  การค้นหาข้อมูล   การใช้ข้อมูลและสารสนเทศ    การแก้ปัญหาหรือการสร้างงาน  คุณค่าและผลกระทบของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
·      การอาชีพ    เป็นสาระที่เกี่ยวข้องกับทักษะที่จำเป็นต่ออาชีพ   เห็นความสำคัญของคุณธรรม  จริยธรรม  และเจตคติที่ดีต่ออาชีพ  ใช้เทคโนโลยีได้เหมาะสม   เห็นคุณค่าของอาชีพสุจริต   และเห็นแนวทางในการประกอบอาชีพ

สาระและมาตรฐานการเรียนรู้
สาระที่ 1   การดำรงชีวิตและครอบครัว                                                                                                                  
มาตรฐาน ง1.1 เข้าใจการทำงาน  มีความคิดสร้างสรรค์  มีทักษะกระบวนการทำงาน ทักษะ                     การจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา  ทักษะการทำงานร่วมกัน   และทักษะ              การแสวงหาความรู้    มีคุณธรรม    และลักษณะนิสัยในการทำงาน  มีจิตสำนึก              ในการใช้พลังงาน  ทรัพยากร  และสิ่งแวดล้อมเพื่อการดำรงชีวิตและครอบครัว
สาระที่ 2   การออกแบบและเทคโนโลยี                                                                                                                   
มาตรฐาน ง 2.1      เข้าใจเทคโนโลยีและกระบวนการเทคโนโลยี  ออกแบบและสร้างสิ่งของเครื่องใช้ หรือวิธีการ ตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างมีความคิดสร้างสรรค์  เลือกใช้เทคโนโลยีในทางสร้างสรรค์ต่อชีวิต  สังคม  สิ่งแวดล้อม  และ
                              มีส่วนร่วมในการจัดการเทคโนโลยีที่ยั่งยืน                                                                     
สาระที่ 3    เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร                                                                                                 
มาตรฐาน ง 3.1    เข้าใจ  เห็นคุณค่า  และใช้กระบวนการเทคโนโลยีสารสนเทศในการสืบค้นข้อมูล การเรียนรู้  การสื่อสาร  การแก้ปัญหา การทำงาน และอาชีพอย่างมีประสิทธิภาพ ประสิทธิผล  และมีคุณธรรม
สาระที่ 4    การอาชีพ                                                                                                                                                   
มาตรฐาน ง 4.1      เข้าใจ มีทักษะที่จำเป็น  มีประสบการณ์  เห็นแนวทางในงานอาชีพ  ใช้เทคโนโลยีเพื่อพัฒนาอาชีพ   มีคุณธรรม  และมีเจตคติที่ดีต่ออาชีพ
คุณภาพผู้เรียน
                จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6
                ·   เข้าใจวิธีการทำงานเพื่อการดำรงชีวิต สร้างผลงานอย่างมีความคิดสร้างสรรค์ มีทักษะ                 การทำงานร่วมกัน ทักษะการจัดการ ทักษะกระบวนการแก้ปัญหา และทักษะการแสวงหาความรู้ ทำงานอย่างมีคุณธรรม และมีจิตสำนึกในการใช้พลังงานและทรัพยากรอย่างคุ้มค่าและยั่งยืน
                ·    เข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างเทคโนโลยีกับศาสตร์อื่นๆ วิเคราะห์ระบบเทคโนโลยี                   มีความคิดสร้างสรรค์ในการแก้ปัญหาหรือสนองความต้องการ   สร้างและพัฒนา สิ่งของเครื่องใช้หรือวิธีการ ตามกระบวนการเทคโนโลยีอย่างปลอดภัยโดยใช้ซอฟท์แวร์ช่วยในการออกแบบหรือนำเสนอผลงาน วิเคราะห์และเลือกใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับชีวิตประจำวันอย่างสร้างสรรค์ต่อชีวิต  สังคม   สิ่งแวดล้อม  และมีการจัดการเทคโนโลยีด้วยวิธีการของเทคโนโลยีสะอาด
                  ·    เข้าใจองค์ประกอบของระบบสารสนเทศ  องค์ประกอบและหลักการทำงานของคอมพิวเตอร์ ระบบสื่อสารข้อมูลสำหรับเครือข่ายคอมพิวเตอร์  คุณลักษณะของคอมพิวเตอร์                    และอุปกรณ์ต่อพ่วง   และมีทักษะการใช้คอมพิวเตอร์แก้ปัญหา เขียนโปรแกรมภาษา พัฒนาโครงงานคอมพิวเตอร์  ใช้ฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์   ติดต่อสื่อสารและค้นหาข้อมูลผ่านอินเทอร์เน็ต                           ใช้คอมพิวเตอร์ในการประมวลผลข้อมูลให้เป็นสารสนเทศเพื่อการตัดสินใจ ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศนำเสนองาน และใช้คอมพิวเตอร์สร้างชิ้นงานหรือโครงงาน
                  ·   เข้าใจแนวทางสู่อาชีพ  การเลือก และใช้เทคโนโลยีอย่างเหมาะสมกับอาชีพ                              มีประสบการณ์ในอาชีพที่ถนัดและสนใจ   และมีคุณลักษณะที่ดีต่ออาชีพ

..

บอนไซ คือ ศิลปะการย่อส่วนของต้นไม้  โดยจำลองจากต้นไม้ใหญ่ตามธรรมชาติ ให้มาอยู่ในกระถางที่เล็กและบาง โดยย่อส่วนอย่างสมดุลได้สัดส่วน ร่วมทั้งมีรายละเลียดของกิ่ง การเลี้ยงบอนไซเป็นการผสมผสานด้วยศาสตร์หลายแขนง เช่น ศิลปะ  วิทยาศาสตร์ เกษตรกรรม บอนไซเป็นไม้ที่มีอายุยืนยาว ผู้เลี้ยงสามารถตกทอดเป็นมรดกสู่ลูกหลานต่อไปได้ ซึ่งในประเทศญี่ปุ่นมีอายุถึง 700 ปี ปัจจุบันกลายเป็นสมบัติของชาติซึ่งหามูลค่ามิได้


ผู้เขียนเริ่มขุดต่อบอนไซขาย มาตั้งแต่ พ.ศ.2518 โดยนำไม้ที่ขุดมาได้ไปขายที่คลองหลอด  ต่อมาได้ย้ายมาขายที่สวนจตุจักร จึงได้เริ่มเลี้ยงบอนไซ และยึดเป็นอาชีพตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาจนถึงปัจจุบัน..

ในระยะเริ่มแรกของการประกวดบอนไซ ประมาณปี พ.ศ.2518 ได้ขุดต้นไม้มาซึ่งในสมัยนั้นต้นไม้ที่จะมาทำบอนไซหาง่ายมาก โดยบางต้นมีรายละเอียดของกิ่ง มีตำแหน่งของกิ่งที่เหมาะสม หลังจากตัดแต่งนิดหน่อยปลูกใส่กระถางเรียกว่า “จบจากป่า”นำ เข้าประกวดได้รางวัลมาหลายรางวัล รวมทั้งรางวัลยอดเยี่ยมด้วย  แต่ปัจจุบันต้นไม้ที่จะมาทำบอนไซเริ่มหายาก จะหาไม้ที่จบจากป่าไม่มีอีกแล้ว  วิธีการจึงเริ่มเปลี่ยนไปโดยนำต่อไม้มาเลี้ยงรายละเอียด
วิธีการศึกษาการเลี้ยงบอนไซ ก็ดูภาพจากหนังสือที่มีภาพบอนไซของต่างประเทศ และสังเกตุจากต้นไม้ใหญ่ตามธรรมชาติ ซึ่งก็พบว่า การทำบอนไซก็คือ การย่อส่วนของต้นไม้ใหญ่ตามธรรมชาติ ซึ่งการย่อส่วนนี้เราต้องย่อให้ได้สัดส่วนและสมดุล บอนไซที่ออกมาก็จะสวยงาม ถ้าเลี้ยงให้มีรายละเอียดมากบอนไซก็จะสวยงามมากยิ่งขึ้น
ดังนั้นไม่ใช้เรื่องยากเลยสำหรับใครที่จะเริ่มเลี้ยงบอนไซ สำหรับในเบื้องต้นนี้ กระผมขอนำวิธีการดัดรายละเอียด ของบอนไซที่มีโครงสร้างแล้ว ให้ได้รูปทรงซึ่งใช้เวลาเลี้ยงไม่ถึงปี และการตอนเมเปิ้ลมาอธิบายให้ผู้ที่สนใจได้ศึกษากัน ส่วนในเนื้อหาอื่น ๆ จะนำมาลงในภายหลัง..

วิธีการเลี้ยงบอนไซ

 วิธีการหาไม้บอนไซมีอยู่ 2 วิธีด้วยกัน วิธีแรกคือไปเดินเลือกซื้อไม้ที่จัด
แต่งสำเร็จรูปทรงเสร็จสวยงามเรียบร้อยแล้วนำมาเลี้ยงและคอยดูแลจัดแต่ง
ไม่ให้ทรงเสียไปเท่านั้น วิธีนี้ต้องลงทุนสูง ถ้าขาดความเอาใจใส่ปล่อยปละละ
เลย ความสวยงามก็จะค่อย ๆ หมดไปไม่คุ้มค่าเงินที่ซื้อ เพราะบอนไซเป็นสิ่ง
มีชีวิตการเจริญเติบโตลำต้นกิ่งก้านใบต้องร่วงโรยมีการงอกใหม่ไม่เหมือนกับ
ภาพวาดหรือแกะสลักอีกวิธีหนึ่งคือเริ่มต้นด้วยการหาไม้เล็ก ๆ มาปลูก แล้ว
ค่อย ๆ จััดแต่งรูปทรงทีละน้อยจนได้รูปทรงที่ต้องการ วิธีนี้ใช้เวลาหลายปีกว่า
จะได้บอนไซที่สมบูรณ์ แต่แน่นอนว่าสร้างความเพลิดเพลินเร้าใจดีกว่าวิธีการ
แรก ซึ่งใคร ๆ ก็ทำได้ไม่ต้องใช้ความอดทนเลี้ยงดู
 
การเลี้ยงบอนไซทำได้หลายวิธี ดังนี้

การตัดแต่งราก

  รากต้องมีการตัดแต่ง เช่นเดียวกับใบและกิ่ง โดยเฉพาะเวลาเปลี่ยนดิน
ใหม่ หรือเปลี่ยนกระถางใหม่ รากแขนงและรากฝอยที่แก่ หรือแห้งเหี่ยว หรือ
ตายควรตัดออกเพื่อให้รากใหม่แตกรวมทั้งรากแก้วที่ยาวเกินไปจนขดรอบกระ
ถางต้องตัดแต่งออกด้วยเช่นกัน บอนไซเป็นไม้ที่ปลูกในกระถางเล็ก ๆ เมื่อ
ปลูกไปประมาณ 2-3 ปี รากจะขดแน่นในกระถาง ทำให้น้ำซึมผ่านลงไปได้ยาก
ต้องได้รับการตัดแต่งและเปลี่ยนดินให้ใหม่ ต้นบอนไซจึงจะสมบูรณ์แข็งแรง
การตัดแต่งรากนี้ต้องใช้มีดที่คม และสะอาด เพื่อไม่ให้รากช้ำและมีเชื้อโรคเข้า
ทำลาย

วันพฤหัสบดีที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การตัดแต่งกิ่ง

การตัดแต่งกิ่ง เป็นวิธีการสำคัญในการควบคุมจำนวนกิ่งของบอนไซไม่
ให้มีมากเกินความต้องการ กิ่งที่ควรตัดออกคือกิ่งที่แตกออกมาจากที่เดียวกัน
หลายกิ่ง กิ่งที่งอกออกมาบังด้านหน้าลำต้นกิ่งที่งอกรอบช่วงกลางลำต้นมาก
เกินควร กิ่ง แขนง กิ่งที่อยู่เตี้ยใกล้โคนต้น กิ่งที่ยาวเกินไป การตัดกิ่งให้ตัดเมื่อ
กิ่งนั้นมีอายุพอสมควร ไม่แก่หรืออ่อนเกินไปด้วยมีดคม ๆ หรือกรรไกรแต่งกิ่ง ตัดที่โคนกิ่งให้เรียบติดกับลำต้น

การปลิดตา

ต้นไม้ที่สมบูรณ์แข็งแรงมักมีตาและยอดอ่อนมาก การปลิดตาจึงเป็นสิ่ง
จำเป็นเพื่อควบคุม ความสมดุลของกิ่งหรือรูปทรง และป้องกันการแย่งอาหาร
จากส่วนอื่นการปลิดตาช่วยให้การควบคุมความยาวของกิ่ง เป็นผลให้ใบม
ีขนาดเล็กตามด้วย ดังนั้น การปลิดตาหรือแขนงอ่อนจึงเป็นวิธีการที่สำคัญ
วิธีหนึ่งในการดัดแต่งบอนไซ ให้สวยงาม กิ่ง ใบ มีขนาดเล็กสมส่วน ส่วนราย
ละเอียดช่วงเวลาที่ต้องปฏิบัติแตกต่างไปตามพันธุ์ไม้
        ข้อที่ควรระวังคืออย่าปลิดตาหรือแขนงอ่อนกับไม้ที่เพิ่งปลูก หรือเปลี่ยน
ดินกระถางใหม่ต้นไม้อาจชะงักการเจริญเติบโต ขาดความสมบูรณ์ได้ควรรอ
ให้ไม้แข็งแรงดีเสียก่อน ตาที่จะแตกเป็นกิ่งหลักในการจัดรูปทรงไม่ต้องปลิดทิ้ง ให้ปลิดทิ้งแต่กิ่งแขนงเท่านั้นผู้ที่มีประสบการณ์จะมองออกทันทีว่าตาใดควร
ปลิดทิ้ง ตาใดควรเก็บไว้

การดัดแต่ง

ไม่ว่าปลูกโดยต้นที่ขุดเอามาจากป่า ต้นปักชำหรือต้นอ่อน ให้เริ่มทำการ
ดัดแต่งได้เมื่อรากเจริญแข็งแรงดีแล้ว การดัดแต่งมีจุดประสงค์เพื่อให้บอนไซ
รูปทรงสวยงามตามต้องการ
        การดัดแต่งมีขั้นตอนสลับซับซ้อนพอสมควรซึ่งสามารถแบ่งขั้นตอนหลัก
ได้เป็น การปลิด การตัดแต่ง การรัดด้วยลวด วิธีการที่ใช้แตกต่างกันไปตาม
พันธุ์ของต้นไม้ แต่ก็หลีกไม่พ้นการปลิดตาและยอดอ่อนการแต่งกิ่งและราก
การดัดกิ่งหรือต้นให้เป็นรูปทรง ในที่นี้จะกล่าวถึงเฉพาะวิธีที่จำเป็นต้องใช้ทั่ว
ไปเพื่อให้ง่ายต่อผู้เริ่มเลี้ยงใหม่่

การปักชำ

  โดยทั่วไปไม้ที่เก็บมาจากป่าจะแตกยอดใหม่ได้เร็ว และถี่มาก ยอดเหล่านี้
ส่วนใหญ่ต้องตัดแต่งทิ้งอยู่แล้ว แต่แทนที่จะทิ้งเสียเปล่าก็เอามาปักชำในดิน
เสียก็จะได้ต้นใหม่ไว้ปลูกเลี้ยงได้อีก วิธีนี้นิยมกันมากสามารถทำได้ทั้ง ต้น กิ่ง
ใบ กิ่งอ่อน และราก
        การปักชำโดยใช้กิ่งอ่อน ใช้มีดเล็กคม ๆ ตัดกิ่งให้ข้อเล็กน้อย ริดใบส่วน
ยอดและส่วนล่างออกประมาณ 1 ใน 3 เพื่อลดการคายน้ำทางใบ ดินที่ใช้ปักชำ
ต้องโปร่ง มีการระบายน้ำดี อุ้มน้ำได้มากจึงควรใช้ดินร่วน 7 ส่วนผสมทราย 3
ส่วน ใช้กระถางก้นเตี้ยปักชำ ก้นกระถางใส่กรวดเล็กน้อย และดินปากกระถาง
ใช้ดินร่วนละเอียดกลบปิดหน้า นำกิ่งที่เตรียมไว้ปักเอียงลงพื้นดินให้ลึกเพียง 1
ใน 3 รดน้ำให้ชุ่มจนแฉะเก็บไว้ในที่ร่ม ไม่มีลมโกรก รดน้ำวันละ 2-3 ครั้ง จน
กระทั่งรากงอก หลังจากนั้นประมาณ 1 เดือนก็จะแตกยอดอ่อนนำออกกลาง
แดดได้ วันแรกให้ถูกแดดเพียงแต่น้อย แล้วให้เพิ่มมากขึ้นในวันต่อมา ๆ วิธ
นี้สะดวกแต่กินเวลานานกว่าต้นไม้จะโต ซึ่งขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ไม้บอนไซ
ขนาดเล็กใช้เวลา 2-3 ปี วิธีนี้เหมาะกับสนดัดญี่ปุ่น เมเปิ้ล เซลโควา คริพโท-
มีเรีย เป็นต้น วิธีเพาะใช้กระถางหยาบก้นเตี้ย ใส่ดินร่วนผสมทรายเล็กน้อย
เพื่อให้การระบายน้ำได้ดี นำเมล็ดกดลงในดิน พอมิด กลบดินบาง ๆ เก็บไว้ใน
ที่ร่มไม่มีลมโกรก หมั่นรดน้ำให้ชุ่มเสมอจนงอกแล้วจึงนำออกมาถูกแดด พอใบ
งอก 2-3 ใบ ก็ใส่ปุ๋ยเล็กน้อย

การขุดต้นไม้ธรรมชาติมาปลูก

ไม้แคระธรรมชาติที่งอกในป่าหรือบนภูเขาสูง เป็นไม้ที่เหมาะในการทำ
บอนไซดี ๆ เพราะมักจะมีลำต้น และกิ่งก้านคด ๆ งอ ๆ มีรูปทรงแปลกต้นไม้ที่
ขุดหามาเลี้ยงควรสมบูรณ์แข็งแรงลำต้นตรงมีใบเล็กเวลาขุดห้ามถอนหรือดึง
เพราะอาจทำให้ลำต้นเป็นแผล รากแก้วขาดได้ วิธีการที่ถูกคือเมื่อพบต้นไม้ที่
เราต้องการ ใช้พลั่วหรือเสียมเล็ก ๆ ขุดดินลงไปตรง ๆ และให้ลึกเป็นวงรอบ
ต้นกว้างพอสมควร ระวังอย่าให้ดินแตก พยายามขุดให้ลึกพอที่จะตัดรากแก้ว
ออก น้อยที่สุดเท่าที่จะทำได้ ถ้ารากแก้วยาวมาก ให้ใช้กรรไกรคม ๆ ตัดออก ตัดกิ่งที่ไม่สมบูรณ์หรือยาวเกินควรออก ค่อย ๆ รดน้ำจนดินเปียกชุ่ม ห่อดิน
ด้วยฟางข้าวหรือหญ้ามอสแล้วหุ้มทับด้วยกระดาษหนังสือพิมพ์มัดให้แน่น
หนาเพื่อให้ดินชุ่มอยู่เสมอ เมื่อนำต้นไม้มาถึงบ้านแก้มัดเชือกและกระดาษ
หนังสือพิมพ์ออกเขย่าเบา ๆ ให้ดินร่วงออกบ้าง ขลิบรากส่วนที่พ้นดินด้วยมีด
คม ๆ แล้วปลูกลงในกระถางก้นลึก ที่มีผิวหยาบ เอากรวดหยาบรองก้นกระถาง
ใส่ดินค่อนข้างร่วนลงไป 3 ใน 4 ของกระถาง จัดวางต้นไม้ลงไปตรงกลางกระ
ถางกลบด้วยดินร่วน เอาตะเกียบกระทุ้งดินจนแน่ใจว่าไม่มีโพรงอากาศดินจับ
รากแน่นดีทุกส่วน (อาจโรยทรายลงไปผสมบ้างก็ได้) เอามือกดหน้าดินให้
แน่นพอสมควร รดน้ำด้วยบัวรดน้ำฝอยละเอียดกระทั่งน้ำไหลออกทางก้นกระ
ถาง นำกระถางไปไว้ในที่ร่มรำไร อับลมอากาศถ่ายเทสะดวกเมื่อผิวดินเริ่ม
แห้งให้รดน้ำพอชุ่มหลังจากปลูก ปลูก 20-30 วันยอดใหม่จะเริ่มผลแสดงว่า
รากใหม่งอกเจริญดีแล้วให้เอากระถางออกรับแสงแดดได้ วันแรกให้ถูกแดด
อ่อนเพียงระยะสั้น ๆ แล้วจึงเพิ่มเวลารับแดดให้นานเพิ่มขึ้นในวันต่อ ๆ มา
ในช่วงนี้ให้ใส่ปุ๋ยได้บ้างเพียงเล็กน้อย และคอยเด็ดยอดใหม่ทิ้ง อย่าให้มีกิ่ง
ก้านมากเกินไปเพราะอาจทำลายรูปทรงของต้นไม้ได้ ยอดใหม่ที่ยาวประมาณ
3 เซนติเมตร ให้เด็ดกิ่งตรงข้อที่แตกจากนั้นเคยเด็ดยอดใหม่ออกทุก ๆ 2
อาทิตย์ แต่ต้นยังไม่สมบูรณ์ และต้องการให้ลำต้นโตขึ้นก็ปล่อยทิ้งไว้ได้ และทุก ๆ ปีควรเปลี่ยนกระถางและดินใหม

บอนสี

ชุดพันธุ์ที่ใช้ปลูกเป็นไม้มงคล
1. ชุดเทวดาประจำเรือน                 

2. ชุดมหาชาติ

3. ชุดต้นพระยา

4. ชุดราชา

5. ชุดนางสงครานต์
    
ลักษณะทั่วไป
บอนสีเป็นพรรณไม้ที่มีลำต้นอยู่ใต้ดินลักษณะเป็นหัว ส่วนที่เจริญขึ้นมานั้นคือก้านใบ ใบเป็นใบเดี่ยวติดกับก้านใบ ก้านใบยาวประมาณ 20-50 เซนติเมตร โคนก้านใบจะมีกาบใบหุ้มเป็นชั้น ๆ เรียงชั้นสลับกัน ใบใหญ่กว้างคล้ายรูปหัวใจขาดใบกว้างประมาณ 8-15 เซนติเมตร ยาวประมาณ 10-20 เซนติเมตร ลักษณะใบ สีสรร และขนาด แตกต่างกันตามชนิดพันธุ์ ดอกออกจากส่วนกลางของยอด ซึ่งมีก้านดอกชูยาวเท่ากับขนาดก้านใบดอกกลมขอดปลยแหลม เมื่อบานเต็มที่โคนดอกกลมเป็นตุ่ม และส่วนปลายแผ่นบานใหญ่ เป็นรูปกลมรี ส่วนปลายแหลมตรงกลางดอก มีเกสรเป็นแท่งยาวโผล่ออกมา ดอกมีสีขาวหรือสีชมพู ลักษณะดอกคล้ายกับดอกกวักมงคล
การเป็นมงคล
คน ไทยโบราณเชื่อว่า บ้านใดปลูกต้นบอนสีไว้ประจำบ้านช่วยคุ้มครองให้เกิดความสงบสุข เพราะบอนสีเป็นพรรณไม้เก่าแก่ ที่ปลูกไว้คู่บ้านคู่เมืองมานานแล้ว ซึ่งนิยมปลูปในพระราชวังของขุนนางข้าราชการในสมัยโบราณดังนั้นคนไทยจึงนำมา ปลูกไว้ประจำบ้านด้วย เพื่อเป็นมิ่งขวัญและสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย นอกจากนี้ชุดพันธุ์ของบอนสี ยังเป็นไม้มงคลนามอีกด้วย เช่น ชุดเทวดาประจำเรือน ชุดราชา เป็นต้น
ตำแหน่งที่ปลูกและผู้ปลูก
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่บ้านและผู้อาศัย ควรปลูกต้นบอนสีไว้ทางทิศตะวันออก ผู้ปลูกควรปลูกในวันอังคาร เพราะโบราณเชื่อว่าการปลูกไม้เอาประโยชน์ทางใบให้ปลูกในวันอังคาร
การปลูก วิธีที่นิยมปลูกมี 2 วิธี คือ
1.การปลูกในกระถางเพื่อประดับอาคารบ้านเรือนทั้งภายในและภายนอกควรใช้กระถางทางสูงขนาด610นิ้วใช้ปุ๋ยคอก:ใบไม้ผุ:ทราย
   หรือขุยมะพร้าวอัตราอย่างละ1ส่วนผสมคลุกเคล้าเป็นดินปลูกและควรเปลี่ยนกระถางปีละครั้งเพราะการแตกกอของบอนสีแน่นเกิน
   ไปนอจากนี้ยังช่วยเปลี่ยนดินปลูกใหม่ทดแทนดินเดิมที่เสื่อมสภาพไปอีกด้วยถ้าใช้เพื่อประดับภายในอาคารควรให้ต้นบอนได้รับ
    แสงบ้างอย่างน้อย 3-5 วัน ต่อครั้ง หรืออาจจะเลือกชนิดพันธุ์ที่เหมาะสมกับในร่มก็ได้ เช่น บอนชนิดใบสีเขียว

2. การปลูในแปลงปลูกเพื่อประดับบริเวณบ้านและสวน คนโบราณนิยมปลูกเป็นแนวรั้วบ้าน หรือบริเวณสวนหน้าบ้าน ขนาดหลุมปลูก     30 x 30 x 30 ใช้ปุ๋ยคอก หรือปุ๋ยหมัก : ดินร่วน อัตรา 1 : 3 และใช้ปุ๋ยซุปเปอร์ฟอสเฟต (Superphosphate) หรือปูนขาว อัตรา 5-10     กรัมต่อหลุมรองก้นหลุมเพื่อช่วยปรับปรุงสภาพต้นให้เหมาะสมกับการปลูกบอน
การดูแลรักษา
แสง                                    ต้องการแสงแดดอ่อน รำไร หรือกลางแจ้ง

น้ำ                                      ต้องการปริมาณน้ำปานกลาง ควรให้น้ำ 5-7 วัน/ครั้ง

ดิน                                     ดินร่วนซุย ความชื้นปานกลางถึงสูง

ปุ๋ย                                     ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก อัตรา 0.5-1 กิโลกรัม/กอ ใส่ 1-2 เดือน/ครั้ง

การขยายพันธุ์                    ใช้หัว การแยกหน่อ

ิวธีที่นิยมและได้ผลดีคือ       การแยกหน่อ

โรคศัตรู                            โรครากเน่า ไร (Spider mites)

อาการ                                ใบเหลือง แห้งเหี่ยว และบริเวณโคนต้นจะมีเส้นใยสีขาว ใบมีจุดเล็กแห้งเป็นสีน้ำตาล

การป้องกัน                         ควบคุมน้ำให้เหมาะสมและรักษาความสะอาดอุปรณ์ปลูก และบริเวณแปลงปลูก

การกำจัด                            ใช้ยาแคปแทน หรือมาแนบ และยาคาราแทน อัตราและคำแนะนำระบุไว้ตามฉลาก

เพิ่มความสุขให้ชีวิต… มาเลี้ยงบอนไซกันนะครับ

บอน ไซ หรือ ไม้แคระ ที่เรียกกันทั่วไปนั้น เป็นศิลปะในการปลูกต้นไม้โดยการย่อส่วนจากต้นไม้ขนาดใหญ่ มาปลูกในกระถาง หมั่นดูแลตัดแต่งกิ่งใบ ท่านก็จะได้ชื่นชมการเติบโตภายใต้ความสวยงามที่ท่านเองกำหนดขึ้นจาก จินตนาการของท่าน ทั้งนี้อาจจะเป็นไม้ต้นตรง ไม้ต้นคู่ ไม้เอน ไม้กลุ่ม ไม้ต้องลม ไม้ตกกระถาง ไม้เกาะหิน ฯลฯ ก็แล้วแต่โครงสร้างของต้นไม้ที่ได้มา นอกจากนั้นถ้าหากเป็นไม้ดอก ไม้ผล ก็ยิ่งสามารถทำให้ท่านสุขใจไปอีกแบบหนึ่งด้วย
ตาม ตำราญี่ปุ่น บอน แปลว่า ถาด ไซ แปลว่า สิ่งที่ปลูกหรือการปลูก ดังนั้น ถ้าแปลรวมกันก็คือ สิ่งที่ปลูกในถาด ความหมายนี้ขยายไปถึงลักษณะต่อไปนี้ด้วยคือ
1.  บอนไซ เป็นต้นไม้ที่คนเราสร้างขึ้นจากการนำต้นไม้มาดัดแปลงให้เข้าลักษณะที่ต้องการ
2.    ต้องเป็นต้นไม้ที่ปลูกในกระถาง
3.    ต้องเป็นต้นไม้ขนาดเล็กที่ย่อส่วนมาจากต้นไม้ใหญ่ในธรรมชาติ
4.   ต้องมีความงดงามตามสัดส่วน ให้ภาพต้นไม้ใหญ่ขนาดสมดุลกับกระถางที่ปลูก
5.    อายุบอกคุณค่าไม้เลี้ยงเก่าแก่มานานยิ่งมีคุณค่า
6.    บอนไซแสดงให้เห็นศิลปะและจินตนาการของผู้ปลูก
7.   บอนไซแสดงถึงความสามารถ ความมานะอดทน เพราะผู้ปลูกที่ต้องดูแล เอาใจใส่ ตกแต่งกิ่ง ใบ ให้รักษารูปทรงงดงามได้ตลอดไป
การ เลี้ยงบอนไซในปัจจุบันแพร่หลายไปทั่วโลก ในหลายๆประเทศมีสมาคม ชมรมผู้เลี้ยงบอนไซ จนเกือบลืมไปว่าศิลปะแขนงนี้เกิดจากประเทศตะวันออกโดย เฉพาะจีน และญี่ปุ่น ถ้าหากพิจารณากันจากหลักฐานที่สามารถอ้างอิงได้  การเลี้ยงบอนไซมีกำเนิดจากมาจากประเทศจีนเป็นพันปีมาแล้ว ในจีนเรียกว่า เผ็งจิ่ง (penjing) แปลว่าต้นไม้ในถาด รูปแบบแตกต่างกันเล็กน้อยเพราะแบบจีนปล่อยให้มีการเติบโตตามธรรมชาติมากกว่า แบบญี่ปุ่น การเลี้ยงบอนไซในญี่ปุ่นเกิดขึ้นเมื่อประมาณ 800 กว่าปี
เนื่อง จากประเทศญี่ปุ่นมีสภาพเป็นเกาะ มีพื้นที่จำกัด ชาวญี่ปุ่นมีความผูกพันกับธรรมชาติมาก เช่นภูเขา แม่น้ำลำธาร ทะเล และต้นไม้ ชาวญี่ปุ่นมีความพิถีพิถัน รักการประดิษฐ์ตกแต่ง ดังเห็นได้จากข้าวของเครื่องใช้ และการจัดทำอาหาร ด้วยเหตุที่พื้นที่จำกัดชาวญี่ปุ่นจึงพยายามย่อส่วนต้นไม้ตามธรรมชาติมาไว้ ในกระถาง เพื่อดูแลชื่นชมในที่พักอาศัยจนบอนไซเป็นศิลปะแขนงหนึ่งของญี่ปุ่นและได้ แพร่หลายไปทั่วโลก รวมทั้งบ้านเราด้วยซึ่งตามหลักฐานทางประวัติศาสตร์พบว่าศิลปะนี้ได้ผ่านชาว ญี่ปุ่นนำมาเผยแพร่ในสมัยอยุธยา
 ใน ประเทศไทยมีการเลี้ยงไม้แบบไทยที่เรียกว่า ไม้ดัด ซึ่งมีประวัติยาวนานพอควรตั้งแต่สมัยอยุธยาเช่นกันและแพร่หลายเป็นที่นิยม มากในสมัยรัตนโกสินทร์ ไม้ดัดไทยมิได้ใช้การตัดแต่งให้เป็นการย่อส่วนตามต้นไม้ธรรมชาติแต่มี ตำรากระบวนท่าไม้ดัดไทยแบบต่างๆขึ้นเฉพาะ และในแบบที่กล่าวก็มีไม้ญี่ปุ่น เป็นแบบหนึ่งด้วย ซึ่งกำหนดว่าต้องมีโคนใหญ่ปลายเรียว กิ่งก้านกระจายไม่ถูกกำหนดตายตัวตามรูปแบบไม้ดัดไทยแบบอื่น จึงคล้ายกับบอนไซมาก

เครื่องปลูกและดินปลูก

  ดินสำหรับผสมต้นไม้ที่มีคุณภาพดีควรมีลักษณะโปร่งร่วน มีก้อนดินผสมอยู่ด้วย ก้อนดินไม่ควรมีขนาดใหญ่นัก เศษใบไม้ผุและอินทรียวัตถุสีค่อนข้างเข้มดำ ดินที่มีปุ๋ยเคมีปะปนอยู่ด้วยจะทำให้ดินเค็ม   นานไปมีขี้เกลือจับอยู่บนผิวดินรดน้ำแล้วซึมผ่านยาก ต้นไม้จะเหี่ยวเฉาตาย
                       - สำหรับผู้ชื่นชอบไม้อวบน้ำพวกแคคตัส ซัคคิวเลนท์นั้น ดินผสมควรโปร่งซุย ระบายน้ำได้ดี
                       - แต่การปลูกไม้น้ำนั้นค่อนข้างง่าย  เพราะใช้ดินเหนียวทั่วๆไปนั่นเอง อาจเติมปุ๋ยสำหรับบัว หรือไม้น้ำให้บ้าง   ก็ได้ แต่ไม้น้ำบางพันธุ์ที่ลอยน้ำก็ไม่ต้องใช้ดินปลูกแต่อย่างใด(เคล็ดลับที่จะทำให้น้ำใสก็คือ  โรยทรายปิดทับผิวหน้าดิน จะช่วยกรองเศษตะกอนได้ )
                       - การปลูกไม้ลงกระถางก็เช่นเดียวกับพวกไม้อวบน้ำ  คือ โรยทรายทับเครื่องปลูกเสียก่อนที่จะโรยกรวดสวยๆทับ ทำให้เศษดินดำๆไม่กระเด็นขึ้นมาเลอะเทอะ

พันธุ์ไม้สำหรับสวนถาด

  เนื่องจากภาชนะสำหรับสวนถาดมักมีขนาดเล็ก ยกย้ายไปมาง่าย หรือมีขนาดใหญ่เคลื่อนย้ายยาก แต่ก็มีลักษณะจำกัด ทำให้ต้นไม้ไม่สามารถเติบโตได้อย่างอิสระเช่นอยู่ในพื้นดิน ดังนั้น ต้นไม้สำหรับสวนถาดจึงควรมีขนาดเล็ก แคระ หรือเป็นไม้ดัด ไม้บอนไซ ปลูกเลี้ยงง่ายและทนทานเมื่ออยู่ในที่จำกัดไม้ขนาดเล็กอาจเป็นไม้ที่พึ่งงอก ยังไม่โตเติมที่ เช่น เกิดจากการเพาะเมล็ด ตอนกิ่ง ปักชำ แยกไหล หรือตะเกียง แยกหน่อ แยกกอ แยกหัว ไม้เหล่านี้ถ้าปลูกในดินจะเติบโตสูงเป็นเมตร แต่ถ้าปลูุกในที่จำกัดก็จะโตช้า อาจผลิดอกได้เร็วกว่าปกติด้วยปุ๋ยหรือฮอร์โมนเร่งดอก ซึ่งทำให้นักจัดสวนถาดได้ชื่นชมความงดงามทันใจการคัดเลือกที่ง่ายที่สุดคือ รู้กลุ่มของต้นไม้ที่จะใช้ จากนั้นทดลองเทียบเคียงความสูง สีสัน รูปร่างของดอกใบ และ ปริมาณที่พอเหมาะกับภาชนะที่เตรียมไว้
ปลูกต้นไม้ตามจุดที่กำหนด หลังจากปลูกต้นไม้ตามตำแหน่งที่ต้องการแล้ว เติมดินปลูกหรือเครื่องปลูกจนเกือบเต็ม กดเบาๆ รอบโคนไม้ให้แน่นกันต้นเอนเอียงในภายหลัง รากจะกระทบกระเทือน . ทำเนินดิน ทางลาด หรือแอ่งน้ำ พูนดินทำเนินกดให้แน่น ขุดดินออกบ้างบริเวณที่จะทำแอ่งน้ำ บ่อน้ำ เนินทำได้ง่ายๆ โดยการตักดินใส่ถ้วยแล้วคว่ำลงตรงจุดที่ต้องการ เติมดินรอบๆ โคนเพื่อแต่งฐานให้เป็นธรรมชาติ และกดให้แน่นแอ่งน้ำอาจใช้ก้นถ้วยกดลงไปเป็นทรงบ่อ และยังเป็นการแต่งดินในตัว ตามขอบบ่ออาจแต่งด้วยกรวด หิน มอส ทำให้ดูเป็นธรรมชาติขึ้น . ตกแต่งผิวหน้าดินให้สวยงาม ก่อนจะโรยกรวดหรือวัสดุปิดผิวดินอื่นๆ อาจโรยทรายหยาบเสียชั้นหนึ่งก่อน จะกรองดินไม่ให้กระเด็นขึ้นมาเลอะเทอะหลังรดน้ำ แต่ถ้าจะใช้มอส ควรปลูกหรือปะวางติดผิวดินได้ทันที . ตกแต่งผิวหน้าดินให้สวยงาม ก่อนจะโรยกรวดหรือวัสดุปิดผิวดินอื่นๆ อาจโรยทรายหยาบเสียชั้นหนึ่งก่อน จะกรองดินไม่ให้กระเด็นขึ้นมาเลอะเทอะหลังรดน้ำ แต่ถ้าจะใช้มอส ควรปลูกหรือปะวางติดผิวดินได้ทันที . ตกแต่งผิวหน้าดินให้สวยงาม ก่อนจะโรยกรวดหรือวัสดุปิดผิวดินอื่นๆ อาจโรยทรายหยาบเสียชั้นหนึ่งก่อน จะกรองดินไม่ให้กระเด็นขึ้นมาเลอะเทอะหลังรดน้ำ แต่ถ้าจะใช้มอส ควรปลูกหรือปะวางติดผิวดินได้ทันที ทำความสะอาดด้วยน้ำ ใช้สเปรย์ฉีดน้ำไล่เศษดินทรายออกจากผิวใบไม้ วัสดุประกอบ และภาชนะ

ภาชนะ รองด้วยพลาสติกถ้าไม่ต้องการให้น้ำซึมจากรูระบายน้ำ หรือภาชนะสาน ภาชนะจะต้องการรูระบายน้ำหรือไม่ขึ้นอยู่กับชนิดพันธุ์ไม้และสถานที่จัดวาง เพราะอาจซึมไหลเลอะเทอะ หรือไม่สะดวกในการยกย้ายไปรดน้ำ ภาชนะที่ค่อนข้างแน่นถี่ อาจไม่ต้องปูรองด้วยพลาสติก ถ้าใช้ปลูกพันธุ์ไม้ล้มลุก หรือไม้สวนครัวที่มีอายุการใช้งานไม่นาน ภาชนะคงยังไม่ทันผุพัง และไม้เหล่านี้ต้องการแสงจัด การระบายน้ำดี จึงไม่น่ามีปัญหาเรื่องการ                                                                                                                                                                     และสกปรกเลอะเทอะ อาจรองก้นชั้นล่างสุดเกล็ดถ่านก็ได้ การใส่เครื่องปลูก ดินปลูกรองชั้นล่างสุดด้วยเกล็ดถ่านสำหรับต้นไม้บางประเภท แต่ถ้าใช้ขุยมะพร้าวเป็นเครื่องปลูก ดังที่แนะไว้ หรือกระถางค่อนข้างตื้นก็ไม่จำเป็น ต้นไม้ที่มีตุ้มรากใหญ่เกินไป ตัดแต่งออกได้บ้าง หรือขุดดินในจุดที่จะปลูกต้นไม้ออกบ้าง ถ้าต้นไม้มีขนาดเล็กและเตี้ย แต่ถ้าต้องการให้ดูสูง หนุนด้วยดินใต้ตุ้มราก คล้ายทำเนินดินรองรับ

การจัดสวนถาด ในหลาย ๆ รูปแบบ

สวัสดีครับทุก ๆ ท่าน สวนถาดก็เป็นรูปแบบหนึ่งของการจัดสวน เป็นการย่อเรื่องราวต่าง ๆ ลงในภาชนะหรือถาด จะเป็นเรื่องราวอะไรก็ได้ที่เราเคยเห็น เคยรู้ รวมทั้งเรื่องราวที่เราผูกเรื่องขึ้นมาเองตามจินตนาการของเรา ได้แก่ ย่อเรื่องราวของสวนสาธารณะ เล่าเรื่องราวเกี่ยวกับประเพณีวัฒนธรรมของการดำเนินชีวิตของชาวไร่ชาวนาในชนบทการจัดสวนถาดแบบย่อเรื่องราวได้เปิดโอกาสให้ผู้จัดได้ใช้ความคิดอย่างสร้างสรรค์อย่างหลากหลายไม่มีที่สิ้นสุด เกิดความเพลิดเพลินสนุกสนาน ร่มรื่นและสวยงามตามธรรมชาติ เป็นการย่อเรื่องราวของความฝันตามจินตนาการ นับว่ามีประโยชน์มากมายหลายด้าน หากเราจัดสวย ๆ ไอเดียเก๋ ๆ อาจสร้างเงินให้เราได้น่ะครับ

ประโยชน์ของสวนถาด
สวนถาดให้ประโยชน์หลายด้าน ให้ประโยชน์แก่ผู้จัด ผู้ชม และผู้เกี่ยวข้อง ประโยชน์ของสวนถาดได้แก่ ประโยชน์ด้านการศึกษา ด้านจิตใจและด้านเศรษฐกิจ
ประโยชน์ด้านการศึกษา
การจัดสวนถาด สวนหย่อม และภูมิทัศน์ให้สวยงาม มีชีวิตชีวาและดูแลรักษาง่าย ผู้จัดต้องมีความรู้ความเข้าใจในทฤษฏี รู้วิธีการจัดละสามารถประปฏิบัติได้จริง ผู้สนใจด้านการจัดสวน ต้องรู้วิธีการ จัดสวนให้เกิดความสวยงาม ได้แก่ การนำความงามของพืชพรรณกับความงาม ขององค์ประกอบต่าง ๆ ที่ใช้จัดสวนมาประกอบกันให้เกิด รูปทรงเส้น ที่ว่าง สีสัน ผิวพรรณ จุดเด่น จุดสมดุล ช่วงจังหวะ สัดส่วน ความกลมกลืน ความแตกต่าง และสาระเรื่องราว ถ้าสามารถนำมาประกอบกันได้อย่างมีศิลปะ ถูกต้องเหมาะสมตามสาระเรื่องราวจะทำให้ความงามของสวนปรากฏขึ้นมาเอง ซึ่งนักจัดสวนมืออาชีพสามารถทำได้ง่าย แต่ผู้ที่เริ่มสนใจการจัดสวนจะทำได้ยาก เพราะการจัดภูมิทัศน์ และการจัดสวนหย่อมจะต้องใช้ต้นไม้ และวัสดุอุปกรณ์จริง ซึ่งมีขนาดใหญ่ น้ำหนักมากจึงยากต่อการจัดทำต้นไม้ และวัสดุอุปกรณ์ยังมีราคาแพงอีกด้วย จึงไม่คุ้มกับการลงทุนเพียงเพื่อการฝึกให้เกิด ทักษะการจัดสวน ฉะนั้นการเรียนวิชาการจัดสวน จึงเริ่มต้นด้วยการเรียน วิชาการจัดสวนถาด เพราะการฝึกจัดสวนถาดทำได้สะดวกกว่าการฝึกจัด ภูมิทัศน์และสวนหย่อม เนื่องจากต้นไม้และวัสดุอุปกรณ์ต่างๆ ที่นำมาใช้ฝึกจัดสวนถาดมีขนาดเล็ก น้ำหนักเบา หาง่าย และราคาถูก จึงสะดวกต่อการฝึกจัดวางองค์ประกอบ ของสวนถาดให้เกิดความสวยงาม สะดวกต่อการฝึกซ้ำเพื่อให้เกิดความชำนาญ เมื่อมีความรู้และความเข้าใจ และความชำนาญในการจัดสวนถาด จึงเป็นการง่ายต่อการจัดสวนหย่อม และภูมิทัศน์ เพราะหลักวิชาการที่นำมาใช้จัดสวนถาด สวนหย่อม และการจัดภูมิทัศน์ ต่างใช้หลักวิชาการเดียวกัน จะต่างกันบ้างในเรื่องของ รายละเอียดเท่านั้น ฉะนั้นความรู้ความเข้าใจและทักษะการจัดสวนถาด จึงเป็นพื้นฐานสำคัญยิ่งของการจัดสวนหย่อมและการจัดภูมิทัศน
ประโยชน์ด้านจิตใจ
ประโยชน์ทางด้านจิตใจจะเกิดขึ้นแก่ผู้จัดและผู้ชม ผู้จัดได้นำเอาความงดงาม ของสวน ธรรมชาติที่ได้พบเห็น และเอาความคิดตามจินตนาการของตน นำมาผสมผสานกันเพื่อทำการจัดสวนถาด ขณะทำการจัดทำให้ผู้จัดเกิดความ เพลิดเพลินและมีความสุขอยู่กับการจัดสวนถาด ผลงานการจัดสวนถาดด้วยความคิด และด้วยมือของผู้จัดเอง ทำให้ผู้จัดเกิดความภาคถูมิใจในความสามารถของตน ความภาคภูมิใจยั่วยุให้ผู้จัดเกิดความอยากที่จะพัฒนางานการจัดสวนถาดของตน การได้ฝึกจัดสวนถาดบ่อย ๆ จะช่วยให้ผู้จัดเห็นความงามที่ธรรมชาติสร้างขึ้น ส่วนผู้ชมหรือผู้ที่ได้พบเห็นสวนถาดที่จัดได้อย่างสวยงาม ความสวยงามของสวนถาดจะช่วยโน้มน้าวจิตใจของผู้ชมให้เกิดสุนทรียภาพ ผู้ชมได้รับอาหารทางจิตใจทำให้ใจอิ่มเอิบ ทำให้ผู้ชมมีความสุขทางใจ ช่วยผ่อนคลายความเครียดได้อีกทางหนึ่ง ความงดงามของสวนถาดเป็นอาหาร และยาทางใจของผู้ชมและผู้จัด
ประโยชน์ด้านเศรษฐกิจ
ประโยชน์ด้านเศรษฐกิจของผู้จัดสวนถาด ได้แก่ การจัดสวนถาดเพื่อการจำหน่ายหรือบริการให้เช่า การจัดสวนถาดเพื่อการจำหน่าย หมายถึง การลงทุนซื้อหรือจัดหาอุปกรณ์การ จัดสวนถาด แล้วนำวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าวมาจัดทำเป็นสวยถาดให้สวยงาม จัดเสร็จเรียบร้อยแล้วจึงขาย ราคาขายของสวนถาดกำหนดจากราคาขายปลีกของ วัสดุอุปกรณ ์การจัดสวนถาด บวกด้วย ค่าจัดทำหรือค่ามือ วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้จัดทำสวนถาด เช่นถาด ต้นไม้ ส่วนผสมของดินที่สำหรับจัดสวนถาด หิน รากไม้ ตุ๊กตาจำลอง ปั๊มน้ำขนาดเล็ก มอสส์ ทรายแก้ว ทรายคัด กรวดบดสีต่าง ๆ ฯลฯ การคิดต้นทุนของวัสดุอุปกรณ์การจัดสวน คิดตามราคาขายปลีกแม้ว่าผู้จัดได้ซื้อ มาในราคาขายส่ง หรือไม่ได้ซื้อมาเพราะผลิตหรือจัดหามาเองก็ตาม แต่การกำหนดราคาต้นทุนของวัสดุอุปกรณ์ต้องกำหนดจากราคาขายปลีกเสมอ ราคาขายปลีกของวัสดุอุปกรณ์การจัดสวนถาดจะสูงกว่าราคาขายส่งประมาณร้อยละ 20 เมื่อนำอุปกรณ์การจัดสวนถาดมาทำการจัดสวนถาดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ขั้นต่อไปคือกำหนดราคาขาย โดยการบวกค่าจัดทำอีกหนึ่งเท่าตัวของราคา วัสดุอุปกรณ์ เช่น การจัดสวนถาดหนึ่งถาดผู้จัดได้ซื้ออุปกรณ์มาทั้งหมด 100 บาท ค่าวัสดุอุปกรณ์ดังกล่าว ผู้จัดได้คิด 120 บาท เมื่อจัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว ผู้จัดคิดค่าจัดอีกเท่าตัวฉะนั้นราคาขายของสวนถาดจึงกำหนดไว้ที่ 240 บาท ในกรณีที่ผู้จัดสวนถาดได้บริการลูกค้าโดยการให้เช่าเป็นรายเดือน จะกำหนดค่าเช่า ประมาณร้อยละ 75 ของราคาขาย หรือคิดค่าเช่าประมาณเดือนละ 180 บาท โดยปกติจะให้เช่าเพียงหนึ่งเดือนจากนั้นจะนำสวนถาดมาบำรุงรักษา

สวน(ถาด)ชื้นกับสวน(ถาด)แห้ง คืออะไร

หลายท่านคงสงสัยว่าสวนแห้งคืออะไรแตกต่างจากสวนถาดยังไง แต่ก็อีกหลายท่านที่ยังไม่รู้ว่า สวนถาดคืออะไรเป็นยังไงในบทความนี้ผมจะอธิบายทุกอย่างให้เข้าใจครับ เรามาเริ่มที่ความหมายของสวนถาดกันก่อน
สวนถาดคือ การจัดสวนโดยการลอกเลียนแบบธรรมชาติ หรือใช้จินตนาการของเรานำมาจัดลงในถาด หรือภาชนะที่เราตระเตรียมไว้ ไม่ว่าจะเป็นจานรองกระถาง ภาชนะถาดเซรามิค หรือจะเป็นกระถางดินเผา อยู่ที่ผู้จัดจะเลือกใช้ภาชนะแบบไหน
แล้วสวนชื้นกับสวนแห้งคืออะไร คือสวนถาดรึเปล่า
สวนชื้นคือ การจัดสวนโดยการลอกเลียนแบบธรรมชาติ หรือใช้จินตนาการของเรานำมาจัดลงในถาดหรือภาชนะที่เราเตรียมไว้ โดยใช้ต้นไม้ที่ต้องได้รับการดูแลโดยการรดน้ำทุกวัน
สวนแห้งคือ การจัดสวนโดยการลอกเลียนแบบธรรมชาติ หรือใช้จินตนาการของเรานำมาจัดลงในถาดหรือภาชนะที่เราเตรียมไว้ โดยใช้ต้นไม้ดอกไม้ประดิษฐ์ หรือต้นไม้ที่ไม่จำเป็นต้องได้รับการดูแลโดยการรดน้ำทุกวัน
หลายท่านก็ยังสงสัยอีกว่าแล้วสวนชื้นใช้ต้นไม้อะไรบ้าง แล้วสวนแห้งนอกจอกต้นไม้ดอกไม้ประดิษฐ์แล้วต้นไม้จริงใช้ต้นอะไร เราจะมาดูที่สวนชื้นกันก่อน
สวนชื้น ต้นไม้ที่ใช้นั้นหาได้ง่ายตามท้องตลาดทั่วไป จตุจักร สนามหลวง2(แต่แหล่งที่มีขายต้นไม้ที่ไว้จัดสวนถาดโดยเฉพาะคือที่สนามหลวง2 จะมีเยอะสุดครับ มีหลายร้านให้เลือกซื้อ)
ต้นไม้ที่ใช้ จะเป็นพวกตระกูลออม เช่น ออมเงิน ออมทอง ออมนาค ออมพลอย ออมทรัพย์ ออมเพชร
ตระกูลเฟิร์น เราควรเลือกใช้เป็นบางประเภท เพราะเฟิร์น ส่วนใหญ่ชอบดินโปร่ง วัสดุปลูกมักเป็นกากมะพราวสับ ถ้าหากใช้เฟิร์นในการจัด แนะนำเป็น เฟิร์นกนกนารี เฟิร์นสีฟ้า ไม่แนะนำเฟิร์นนาคราช แต่เฟิร์นนาคราช หรือบรรดา ต้นเฟิร์นแนะนำให้ใช้ในการจัดสวนขวดมากกว่าครับ(อย่าพึ่งสงสัยอีกนะครับว่าสวนขวดคืออะไร หากสงสัยอ่านบทความนี้ให้จบก่อน แล้วค่อยไปดูในหมวดของบทความสวนขวดครับ) เพราะอย่างที่บอก ต้นเฟิร์นชอบดินโปร่ง (เดี๋ยวไว้อธิบายให้ฟังในบทความสวนขวดครับ)
พรมออสเตเลีย พรมออสเตเลียแดง
ไผ่กวนอิมทอง ไผ่กวนอิมเงิน
ไข่มุก
สัปปะรดสี(ส่วนใหญ่จะใช้ต้นเล็กๆ) จะมีหลายพันธุ์หลายสีครับ
เล็บครุฑแคระ (หากนำมาจัดในสวนถาดแล้วควรได้รับแสงแดดรำไร ชอบให้เรารดน้ำเป็นเวลา)
ริบบิ้นเขียว ริบบิ้นแดง (มีดอกชอบแดด ออกดอกทุกวันและดอกโรยทุกวัน)
(เอาแค่นี้ก่อนแล้วกันครับเพราะมันมีเยอะ) นี่ก็เป็นส่วนนึงของต้นไม้ที่ไว้ใช้จัดสวนถาด ทีนี้เรามาดูทำความรู้จักรกับต้นไม้ที่ที่ใช้จัดสวนแห้งกัน
ต้นไม้ที่ไว้ใช้จัดสวนแห้ง จะเป็นตระกูลตระบองเพชรต่างๆ และกุหลาบหิน
ถามว่าดูแลยังไง อย่างที่รู้กันครับ ตระบองเพชรสามารถรดน้ำอาทิตย์ละครั้งยังได้ ตระบองเพชรเลี้ยงไม่ยาก อยากให้ออกดอกเราก็แค่ใส่ปุ๋ยเร่งดอก แต่ถ้าลงมาอยู่ในสวนถาดแล้ว แล้วไม่จำเป็นต้องใส่ ถ้าหากอยากใส่ให้ใช้เป็นปุ๋ยน้ำพ่นฉีดจะดีกว่าครับ ถ้าเป็นปุ๋ยเม็ดจะทำให้ภูมิทัศน์ที่เราจัดเสียได้
ครับปัญหาของสวนแห้งคือ กุกลาบหิน กุหลาบหินนั้นก็เป็นตระกูลเดียวกับตระบองเพชร เพียงแต่ควรได้รับการเอาใจใส่มากกว่าตระบองเพชร ถ้าให้อธิบายเรื่องการดูแลนั้น เยอะครับ ถ้าสั้นๆนั้น หากเราเลือกใช้กุหลาบหินในการจัดสิ่งสำคัญที่สุดคือ ดิน ดินต้องแห้งและไม่ควรอย่างยิ่งที่จะให้ดินมีความชื้นเลย เพราะหากเกิดความชื้นเพียงนิดรากมันจะเน่า ต้นก็จะเน่าและตายไป วิธีสังเกตุอาการ คือใบมันจะเริ่มล่วง แม้เราไปแตะใบของเค้าเพียงนิดเดียวใบเค้าก็จะล่วงลงมานี่คืออาการเริ่มต้นของต้นเน่า บางพันธุ์ ใบก็จะเริ่มออกสีช้ำ และก็จะดำขึ้นจากล่างขึ้นบน จากกลางลำต้นแล้วก็กระจายไป เพราะฉะนั้น ดินคือสิ่งสำคัญ ใช้ดินอะไร ดินแห้งๆครับดินใบก้ามปูที่แห้งๆ เราอาจผสมกับหินกรวดเยอะๆ หรือผสมทรายน้ำจืดเยอะๆ ถ้าให้ดีเอาถ่านเล็กลงก่อนแล้วค่อยตามด้วยดินผสมทรายน้ำจืด และตามด้วยหินกรวดโรยด้านบน สงสัยใช่ไหมครับ ท่านที่เคยซื้อตะบองเพชรมา ทำไมเค้าถึงต้องโรยหินกรวดด้วย ไม่ใช่เพราะความสวยอะไรหรอกครับ เพื่อให้ดินระเหยเร็ว หินจะช่วยดูดความร้อนจากแสงแดด และเวลาเรารดน้ำควรใช้ที่ฉีดน้ำแบบฝอยๆ หากเราไม่มีใช้ฟ็อกกี้ปรับหัวฉีดให้เป็นฝอยก็ได้ครับ ฉีดให้เปียกก็เพียงพอแล้วครับ
เอาเป็นว่าสั้นๆแค่นี้ก่อนครับ เพราะการดูแลนั้นต้องเอาใจใส่ และต้องระวังเรื่องสภาพอากาศด้วยครับกับเจ้ากุหลาบหิน ทีนี้เรามาเข้าเรื่องสวนถาดชื้นกับสวนแห้งกันต่อ
ยังมีคำถามอีกคำถามหนึ่งว่า ราคาจะแตกต่างกันไหม
คำตอบคือ แตกต่างกันแน่นอนครับ สวนแห้งใช้ตะบองเพชรกับกุหลาบหิน ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันอยู่แล้วสำหรับตัวต้นไม้
สวนชื้น ต้นไม้หาซื้อก็ง่ายราคาต้นไม้ก็ถูก เพราะฉะนั้นราคาสวนชื้นก็จะถูกกว่า
แต่ยังมีคนถามอีกว่า ไม่จริงยังเห็นสวนชื้นขนาดถาดเท่ากับสวนแห้งแต่ราคาเท่ากันเลย ตรงนั้นอาจเป็นเพราะการออกแบบการจัด ตัวต้นไม้เพราะต้นไท่จัดสวนชื้นส่วนใหญ่จะราคาราวๆ 20บาท แต่บางชนิดอาจแพงกว่านั้น เช่นพวกมะสัง ชาฮกเกี้ยน เป็นต้น แต่เราเป็นคนซื้อก็จะเห็นความแตกต่างครับ
ของจะมีคุณค่าได้ไม่ใช่อยู่ที่ราคา อยู่ว่าเราจะนำเค้ามาใช้ในประโยชน์อะไร เพียงแค่ว่าต้นไม้นั้นมีความสวยอยู่แล้วในตัวเค้า เราแค่เอาเค้ามาจัดลงในถาดให้เหมาะสม นำมาจัดตามจินตนาการเรา เท่านี้สวนถาดที่เราจัดก็สวยได้ง่ายๆแล้วครับ

สวนธรรมชาติ Natural Garden


                                                                  
เป็นสวนที่มักใช้เส้นโค้งในการออกแบบ ซึ่งช่วยให้เกิดรูปทรงอิสระ สร้างรูปแบบที่นุ่มนวล สบายตา โดยเลียนแบบธรรมชาติ

1.) ทัศนียภาพของสวนแบบธรรมชาติ - พื้นปลูกเป็นพื้นแข็ง จึงใช้พืชพรรณไม้ชนิดปลูกในกระถาง ทั้งหมด
ตามภาพตัวอย่างเป็นการจัดสวนหน้าบ้าน ขนาดกว้าง 5 เมตร x 5 เมตร พื้นเป็นพื้นแข็งปูดัวยกระเบื้องเซรามิก เป็นพื้นเดียวกันกับบริเวณที่จอดรถ สภาพแสงได้รับแสงแดดจัดตลอดวัน จึงจัดบรรยกาศสวนให้ร่มรื่น ดูสดชื่นด้วยไม้กระถางทั้งหมด โดยใช้พรรณไม้ชนิดที่มีดอกหอม และสร้างจุดเด่นด้วยน้ำพุขนาดเล็ก พร้อมตกแต่งธรรมชาติด้วย การเล่นเส้นแนวขอบเขตของสวนด้วยท่อนไม้สนและระเบียงไม้

2.) ทัศนียภาพของสวนธรรมชาติ - ใช้พืชพรรณไม้ชนิดให้ความร่มรื่น ดอกหอม ตกแต่งด้วยวัสดุธรรมชาติ พวกตอไม้ ศิลาแลง
ตามภาพตัวอย่างเป็นการจัดสวนหน้าบ้านขนานกับที่จอดรถ กว้าง 2.5 เมตร ลึก 5 เมตร สภาพแสงได้รับแสงแดดจัด จึงจัดบรรยกาศสวนให้ร่มรื่นด้วยไม้ดอกหอม ชนิดพืชพรรณที่ไม่ต้องตัดแต่งมากนัก และดูแลรักษาง่าย พร้อมทั้งตกแต่งด้วยตอไม้และศิลาแลงเป็นจุดเด่นของสวน

3.) ทัศนียภาพของสวนธรรมชาติ - ใช้พืชพรรณไม้หลากชนิด หลายหลากวัสดุ ตกแต่ง พรางแสงด้วยซุ้มไม้เลื้อย
ตามภาพตัวอย่างเป็นการจัดสวนในกระบะบริเวณด้านหลังบ้าน ขนาดพื้นที่กว้าง 5 เมตร ลึก 3 เมตร สภาพแสงได้รับแสงครึ่งวันเช้า ซึ่งต้องการบริเวณสำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ พื้นที่สำหรับปลูกเลี้ยงกล้วยไม้ และพรางตาถังเก็บน้ำหลังบ้านให้น่าดูมากขึ้น

4. ) ทัศนียภาพของสวนธรรมชาติ - ใช้พืชพรรณหลากสีสัน
ตามภาพตัวอย่างเป็นการจัดสวนในพื้นที่หน้าบ้านกว้าง 2.5 เมตร ลึก 5 เมตร สภาพแสงหน้าบ้านแดดจัดมาก จึงต้องใช้ระแนงพรางแสงให้พื้นที่ร่มรื่น เพื่อใช้เป็นที่นั่งพักผ่อนและชมสวน ใช้ไม้หมอนรถไฟ และก้อนหินเป็นทางเดินในสวน เพื่อให้กลมกลืนและเป็นธรรมชาติ สร้างสีสันโดยใช้พรรณไม้หลากชนิด เช่น โยทะกา โกสน โมกตอ หลิวใบ และผกากรอง เป็นต้น

รู)แบบของการจัดสวนถาน


1. สวนถาดที่มีลักษณะคล้ายการจัดแจกัน

 
                       ได้แก่ การจัดกลุ่มไม้ดอก กล้วยไม้ ไม้ใบ หรือผสมผสานกัน ปลูก
       ลงในภาชนะที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นโลหะเครื่องจักสานเครื่องเคลือบกระถางทรง
       ต่างๆซึ่งเหมาะเป็นของขวัญของกำนัลหรือใช้ตกแต่งสถานที่  โดยมีความทน
       ทานกว่าดอกไม้สด  เมื่อต้นไม้เริ่มโตจนแน่นภาชนะแล้ว  ก็ย้ายไปปลูกที่ใหม่
       ได้ อายุการใช้วานนั้นขึ้นอยู่กับการเลือกพันธุ์ไม้ด้วย เช่นไม้ดอกล้มลุกย่อมมี
       อายุสั้นกว่าไม้ใบ เมื่อไม้ดอกหมดอายุเรายังเหลือไม้ใบที่นำไปปลูกต่อได้สวน
       ถาดที่จัดกลุ่มต้นไม้ เช่น การจัดแจกันนี้ทำให้เกิดความชำนาญในการใช้สีสัน การเลือกรูปทรงเส้นสาย
       และสัดส่วนของต้นไม้ ความละเอียดความหยาบของใบการจัดวางจุดเด่น การเลือกภาชนะให้เข้ากับต้น
       ไม้และรูปแบบการจัด
                                                          
                                     

2.สวนถาดที่ย่อส่วนมาจากทิวทัศน์หรือเรื่องราว
 
                2.1 ย่อส่วนทิวทัศน์ภูเขาโดยใช้ก้อนหินจริงมาจำลอง

        สวนถาดแบบนี้คล้ายการย่อส่วนทิวทัศน์ของภูเขา ซึ่งอาจจงใจให้เป็น
  ภาพของภูเขาขนาดใหญ่หรือมุมเล็กๆ ของก้อนหิน ซึ่งมีดอกไม้ต้นไม้ขึ้น
  แทรกอยู่อาจมีตุ๊กตาสัตว์หรือคนจำลอง   รวมทั้งสะพาน   สิ่งก่อสร้าง  เรือ
  ฯลฯ   ควรจัดลงในถาดที่ค่อนข้างตื้น   ต่ก็ควรจะลึกพอเพียงสำหรับใส่ดิน
  หรือเครื่องปลูก ถ้ามีการปลูกต้นไม้ประกอบ หากไม่ใช้ต้นไม้เลยหรือเป็น
  ต้นไม้ที่ขึ้นเกาะหิน  ท่อนไม้หรือไม้ถูกน้ำเซาะ  เช่น  พวกไทร สับปะรดสี
  ทิลแลนเซีย ซึ่งไม่ต้องการเครื่องปลูก ภาชนะก็มีลักษณะแบนๆบางๆอาจ
  มีขอบยกขึ้นเล็กน้อยเพื่อหล่อน้ำใหห้ชุ่มชื่น ซึ่งดูคล้ายเกาะกลางผืนน้ำก็ได้

                 2.2 เขามอ หรือสวนถาดที่ก่อภูเขาขึ้นเอง


          เขามอคือบอนไซชนิดหนึ่งซึ่งคนไทยนิยมเล่นกันมาตั้งแต่
ครั้งโบราณโดยมากมักก่อภูเขาขึ้นเองด้วยหินขนาดเล็กสีน้ำตาล 
ผิวมีรอยร่อง เรียกว่า หินเสี้ยน ในสมัยก่อนมีการก่อเขามอขนาด
ใหญ่สูงท่วมศีรษะ   เพื่อประดับวังหรือบ้านด้วยปัจจุบันก็มักอยู่ใน
ถาดเคลือบ ซึ่งอาจโยกย้ายไปมาได้เหมือนสวนถาดอื่นๆ แต่ก็ทำ
ได้ไม่ง่ายนัก  เพราะค่อนข้างมีน้ำหนักมาก  ทิวทัศน์ภูเขาเหล่านี้
    ค่อนข้างเป็น เทือกเขาแบบภาพวาดของจีนหรือญี่ปุ่น  ซึ่งมีต้นไม้ขึ้นแทรกหรือเกาะบนหิน  อาจมีแอ่งน้ำ
    ลำธารหรือน้ำตกบนภูเขาด้วยก็ได้  หรืออาจมีน้ำล้อมรอบภูเขาคล้ายทิวทัศน์ทะเล หรืออาจล้อมรอบภูเขา
    ด้วยแนวป่าโปร่ง  ทุ่งหญ้า  ตามแต่จินตนาการของผู้จัด   ลักษณะพิเศษของเขามอคือ ภายในกลวง ถ้าจะ
    เปรียบเทียบอย่างง่าย  ก็เหมือนกระถางต้นไม้ใบหนึ่ง  ซึ่งมีรูระบายน้ำที่ก้นและรูปทรงของกระถางใบนี้ก็
    เป็นภูเขาจำลองนั่นเอง

                  2.3  ย่อส่วนทิวทัศน์ทั่วไป

                สวนถาดลักษณะนี้ใช้ภาชนะได้ทุกประเภท แต่ก็ควรมีความลึกพอ
    สำหรับบรรจุเครื่องปลูกเพราะมักปลูกต้นไม้จริงประกอบอย่างไรก็ดีภาชนะ
    ควรมีสีหรือรูปทรงที่ไม่เด่นเกินไป   จนลดความน่าสนใจของเรื่องราวที่เรา
    ตั้งใจนำเสนอสวนถาดแบบนี้ ควรมีของตกแต่งที่เข้ากับเรื่องราวที่เราตั้งใจ
    นำเสนอ  เช่น มุมสวนแบบไทยก็อาจมีโอ่งดินเผาขนาดเล็กศาลาหลังคามุง
    จากรั้วไม้มุมสวนญี่ปุ่นควรมีอ่างหิน ( stone basin ) กระบวยไม้ไผ่ รางน้ำ
    ไหล รั้วไผ่ขัดแตะถ้าเป็นทิวทัศน์   เราอาจดูแบบอย่างมาจากภาพในหนังสือ
     ปฏิทิน  หรือเก็บความประทับใจจากการท่องเที่ยวสถานที่ต่างๆไม่ว่าจะเป็นในประเทศหรือต่างประเทศ
     ส่วนเรื่องราวต่างๆนั้น เราอาจผูกเรื่องขึ้นเองเป็นภาพชีวิตในชนบทจากนิทานหรือนิยายปรัมปรา  ตลอด
     จนชีวิตในบ้าน ชีวิตสัตว์ในป่าหรือทุ่งหญ้า