วันอังคารที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การ ทำบอนไซเป็นเรื่องการหาต้นไม้มาใส่กระถางในที่บังคับ และกำหนดให้เติบโตโดยมีรูปพรรณสัณฐาน ตามความต้องการของเจ้าของ  ฉะนั้นการได้ต้นไม้มาจึงเป็นจุดเริ่มต้น ของการปลูกบอนไซ หลักทั่วไปก็ควรเป็นต้นไม้ยืนต้น และ สามารถมีอายุยืนนานยิ่งนานเท่าใดก็จะทำให้บอนไซมีค่ามากขึ้นเท่านั้น ดังนั้นจึงควรมุ่งถึงพันธุ์ไม้เนื้อแข็งจะเป็นต้นอะไรก็ได้ อย่างไรก็ดีญี่ปุ่นเขาก็ไม่จำกัดและถือเป็นหลักเคร่งครัดนัก ส่วนมากไม้ของญี่ปุ่นมักเป็นต้นเมเปิ้ล นอกจากนั้นก็มีไม้ผล เช่น แอปเปิล พลำไม้ดอกเขาก็ใช้ Azelea และเฟื่องฟ้า เคยเห็นต้นไผ่ก็มี อีกอย่างหนึ่งที่เขาเอามาทำบอนไซ คือ ซูวาโบกี (ligularia tussilaginea) ซึ่ง เป็นไม้กอ ลักษณะ คล้ายบัว บีใบกลมๆ คล้ายใบบัว ออกดอกสีเหลืองคล้ายดวงเรือง วิธีได้พันธุ์ไม้ มาก็มีหลายอย่าง คือ การซื้อจากร้านขายต้นไม้ การเพาะเมล็ด การติดตา ต่อกิ่ง การตัดกิ่งชำ การตอนและแยก และการขุดต้นจากป่า ดังจะขอแยกเรื่องออกศึกษาเป็นเรื่องๆ ดังต่อไปนี้
1.การซื้อ
                       การ ซื้อต้นไม้จากผู้นำมาขายจากต่างจังหวัดและตามร้าน ขายต้นไม้เป็นวิธีง่ายและเหมาะสำหรับผู้ที่มีทุนทรัพย์ แต่ไม่มีเวลาจะไปหาต้นไม้ด้วยตนเอง วิธีนี้ออกจะสิ้นเปลืองหน่อย ได้เคยลองดู 2-3 ครั้ง ซื้อมาสัก10ต้น เพื่อเป็น ตัวอย่าง แล้วก็มิได้ทำอีกสู้ไปหาเองไม่ได้ ประการแรก เป็นการสิ้นเปลืองโดยไม่จำเป็น นอกจากนั้นถ้าไม่มีความ ละเอียดพอ มีการตรวจต้นไม้ให้แน่ชัดก่อน เมื่อนำมาปลูก ไม่กี่วันก็จะเกิดความเสียใจ เพราะต้นไม้ตายไปเฉยๆ เมื่อแกะดินออกตรวจปรากฏว่าบางต้นไม่มีรากอยู่เลย เพราะไม้บางชนิดอาศัยน้ำในลำต้นได้หลายวันและแตกกิ่งอ่อนให้เห็นเสียด้วย เมื่อหมดอาหารในลำต้นก็ต้องตาย บางต้นเขาเอาดินใส่และห่อด้วยพลาสติก แต่มิได้เจาะรูให้น้ำระบายได้ เมื่อเอามาปลูกรากเน่าเหม็นจนแมลงวันตอมแล้วก็ตาย นอกจากนั้นส่วนมากเป็นไม้ที่นำมาจากต่างจังหวัดผู้ขุดมิได้ให้ความระมัด ระวังเพียงพอ เช่น ปล่อยให้ดินแตก ใส่รถซึ่งไม่มีหลังคาถูกแดดเผ้าไหม้เกรียมและทิ้งอยู่หลายๆวัน เมื่อมาถึงมือเราก็สุดความสามารถที่จะช่วยไว้ได้ ปัญหาสำคัญอีกเรื่องหนึ่งก็ คือ การเรียกชื่อแต่ละท้องถิ่นนั้นไม่เหมือนกัน ทำให้เกิดความเข้าใจผิดว่าเป็นไม้คนละอย่างกับที่ควรจะเป็น เคยซื้อต้นไม้ชนิดหนึ่ง ผู้ขายบอกว่าต้นมะแอ ขณะนั้นมีแต่ใบอ่อน ไม่อาจจะพิจารณาได้ว่าเป็นต้นอะไร เมื่อเอามาแล้วนำไปเทียบกับต้นไม้ในป่าซึ่งมีอยู่มากมาย ก็คือต้นพลองนี่เอง ในปัจจุบันมีผู้สั่งสำหรับบอนไซจากต่างประเทศมาขายกันมาก เช่น ต้นชา เอม ไทร เป็นต้น แต่ต้นหนึ่งมีมูลค่าเป็นพันๆบาท ดูไม่สู้จะคุ้มกัน การซื้อเอามาเพื่องานอดิเรกก็จำต้องอดใจ ปัญหาเรื่องการซื้อต้นไม้แปลกๆ และราคาแพงนี้ ผมได้รับคำสั่งสอนจาก คุณครูที่เคารพไว้ว่า ถ้าไปเห็นต้นไม้ราคาแพงแล้วเกิดชอบอยากได้ ในวันนั้นอย่างเพิ่งซื้อ ให้เพียงดูให้อิ่มตา แล้วกำหนดจดจำราคาไว้ กลับบ้านแล้วรอดูสัก3คืน ถ้าเกิดฝันถึงต้นไม้นั้นแล้วก็รีบกลับไปซื้อ ถ้าไม่ฝันก็ลืมมันเสีย ผมได้ใช้วิธีนี้อยู่หลายครั้ง และได้ผลในทางไม่ฝัน จึงประหยัดเงินไว้สำหรับซื้อกระถางสวยๆได้อย่างสบาย วิธีของคุณครูนี้ผมคงคิดว่ามุ่งไปถึงเส้นประสาท คือถ้าเรามีสตางค์พอจะซื้อได้ แต่ไม่ซื้อก็เหมือนกับไปร้านอาหารทะเลที่เขาคิดราคากุ้งมังกรนึ่งตัวละ 500บาท เราอยากกินแต่แพงไป ทั้งๆที่พอ มี 500 บาท จะจ่ายได้ความรู้สึกสองด้านเกิดณรงค์กันเอง คือความอยากกินกับความเสียดายเงิน ฉะนั้นถ้ามีการฝันว่าได้กินกับความเสียดายเงิน ฉะนั้นถ้ามีการฝันว่าได้กินก็หมายความว่าตัณหาด้านอยากกินชนะจึงต้องกิน ถ้าไม่กินก็จะถูกโรคเส้นประสาทกลับมากินเราเอง     เมื่อ คิดว่าไม่ซื้อพันธุ์ไม้ที่มีขายในท้องตลาดแล้ว ก็ต้องหันมาพึ่งตนตามหลักอัตโนนาโถ คือ เข้าป่าหาเอาเอง ซึ่งจะ กล่าวในตอนต่อไป การเข้าป่าหาต้นไม้นี้ได้ความเพลิดเพลินหลายอย่าง เช่น เป็นการทัศนาจร เกิดความภูมิใจว่าเราได้มาด้วยน้ำมือของเรา ที่สำคัญที่สุดก็คือต้นไม้ทุกต้นมีประวัติว่าได้มากจากไหน อย่างไร ทำให้เราจำไม้ของเราได้แม่นเหมือนกับคนซื้อสุนัขต่างประเทศที่มีประกาศนีย บัตรแสดงถึงต้นตระกูลว่าได้มาจากพ่อแม่ ปู่ ย่า ตา ยาย ทวดชื่ออะไร สำหรับเอาไว้คุยกันแต่สุนัขจะดีวิเศษเพียงไรก็เป็นอีกเนื่องหนึ่ง
2.การเพาะเมล็ด
                  ไม้ ประเภทคงทนอายุยืนในเมืองไทยมีมากมายหลายชนิดอยู่ที่ความสนใจของเราที่จะ เสาะแสวงหามาเล่น มะขามออกจะง่ายหน่อย เพราะเมื่อเพาะขึ้นแล้วก็แข็งแรงแรงและโตเร็วเมื่อเริ่มโตจะดัดให้หงิกงอ เป็นรูปอย่างใดก็ได้ หรือจะเลี้ยงให้มีลักษณะเหมือนไม้ใหญ่ดังของ ...คึกฤทธิ์ ปราโมช ซึ่งออกฝักในกระถางก็ได้ เมล็ดพันธุ์อย่างอื่นก็หาได้ไม่ยากนัก เช่น เมล็ดตะโก พลับ ไม้ดำ มะหาด  มะสัง  เงาะ ลำไย ลิ้นจี่  มะเฟือง กระบก มะขามเทศ มะขามป้อม ตะแบก อินทนิล ราชพฤกษ์ ชัยพฤกษ์ ไทร เป็นต้น ข้อสำคัญต้องออกเสาะหาให้ถูกต้องตามฤดูกาล เพราะถ้ากะเวลาไม่ถูกผลอาจยังไม่สุกเสียเวลาเปล่า หรือไปหาเมื่อผลหล่นมาแล้ว เป็นเวลานาน ก็จะมีสัตว์บางชนิด เช่นกระรอก กระแต หนูจะกินเมล็ดหมดไปเสียก่อนที่เราจะได้มา ส่วนมากผลไม้ป่ามักหล่นในฤดูแล้ง เคยไปหาเมล็ดมะสังทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือในระหว่างต้นพฤษภาคม บางต้นยังมีลูกติดต้นเขียวสดอยู่ บางต้นผลหล่นลงมาแล้ว ปรากฏว่ามีสัตว์กัดกินไว้แตกเป็นสองซีก แต่ก็ยังพอเก็บเมล็ดมาเพาะได้บ้างอย่างไรก็ดี แม้ว่าในบางคราวจะไม่มีโอกาสเก็บผลมาได้ถูกกับจังหวะที่เล่น แต่ถ้าเป็นผลไม้ชนิดที่ไม่มีสัตว์กิน เพียงขุดเอามาแล้วใส่กระถางรวมไว้รอให้ต้นแข็งแรงเคยพบต้นไม้ดำที่งอกอยู่ ใต้ต้นไม้ต้นแม่เป็นจำนวนมาก ขุดให้ติดดินมา มีข้อควรสังเกตว่าการขุดลูกไม้เช่นนี้มาปลูก การปลูกรวมไว้หลายๆต้น ในกระถางเดียวกัน ต้นไม้กลับเจริญได้เร็วกว่าเอามาแยกปลูกกระถางละต้น
               การ ทำบอนไซจากการเพาะเมล็ด ต้องการความอดทนมาก สำหรับต้นสนที่เพาะเมล็ดนั้นญี่ปุ่นเขาต้องเก็บไว้ในกระถางเพาะถึง 2 ปี แล้วจึงเลือกต้นที่แข็งแรงแยกปลูก กระถางเดี่ยว ค่อยๆ ตกแต่งไปใช้เวลาถึง5 ปี บอนไซจึงได้รูปร่างที่ต้องการ สำหรับเมล็ดพันธุ์ไม้ของไทย คงไม่ต้องใช้เวลานานถึงเพียงนั้น เช่น มะขาม อาจแยกเพาะในกระถางเดี่ยวเมล็ดละกระถาง ภายใน 6 เดือน ก็จะเริ่มตกแต่ง ได้เพราะเป็นไม้ที่เจริญเร็ว เท่าที่พบมาสำหรับไม้ดำ รออยู่จนหนึ่งปีก็ยังทำอะไรไม่ได้ สำหรับมะเฟือง มะหาด โตเร็ว ไม่แพ้มะขาม แต่มะสังต้องใช้เวลานานหน่อย ต้นไทรก็ขึ้นเร็ว ไม่เกิน 6 เดือน ก็เห็นรูปร่างแล้ว สรุปได้ว่าการจะใช้เวลา นานเท่าใดขึ้นอยู่กับชนิดของเมล็ดพันธุ์ วิธีเพาะต้นไม้ที่จะทำบอนไซก็ใช้วิธีเพาะเมล็ดธรรมดา ทั่วๆไป นำเมล็ดมาแช่น้ำไว้สักหนึ่งคืน พอรุ่งขึ้นเห็นว่ามีเมล็ดจมบ้างลอยน้ำบ้าง พวกที่ลอยน้ำนั้นคือ เมล็ดลีบเพาะไม่ขึ้น ต้องตักทิ้งไป ส่วนพวกที่จมก็เอามาเพาะและจะขึ้นเกือบทั้งหมด การ เพาะเมล็ดใช้วิธีเตรียมกระถางขนาดลึกสัก 6 นิ้ว ใช้ลวดตะแกรงปิดที่รูกระถางเสียก่อน ชั้นล่างโรยอิฐหักก้อนเล็กๆ สักครึ่งนิ้วเพื่อให้น้ำระบายได้ ดินที่ใช้เพาะสมควรผสมให้ร่วนไม่ต้องใส่ปุ๋ย เมื่อเอาเมล็ดอีกชั้นหนึ่งแล้วจะรดน้ำ การรดน้ำควรใช้กระป๋องมีฝักบัว ถ้าใช้สายยางฉีดน้ำแรงจะพัดเอาเมล็ดกระจายไปจากดินได้  ควร ฉีดยาค่าแมลงและยากันเชื้อราไว้ด้วย เพื่อป้องกันมิให้มามดกินเมล็ดเสียก่อนงอก เมื่อเมล็ดงอกและต้นสูงขึ้นสัก 3 เดือน จะเริ่มปุ๋ยอย่างอ่อนๆ บ้างก็ได้ เพื่อให้ลุกไม้แข็งแรงกระถางเพาะต้องออกวางให้ถูกแดดอยู่เสมอ เมื่อถึงเวลาที่จะตัดสินแยกลูกไม้ออกลงกระถางเดี่ยว ควรคัดลูกไม้ที่ขึ้นเป็นหมู่ๆ เก็บไว้บ้าง เพื่อทำบอนไซแบบหมู่ คือให้ขึ้นกระถางละหลายต้น เป็นทำนองปลูกไม้ป่าไว้ในกระถาง
                   เมล็ดบางชนิด เช่น มะสัง เป็นที่โปรดปรานของหนูมาก ไม่ทราบว่าจะมีกลิ่นบอกหนูหรืออย่างไร ในคืนเดียว เคยถูกหนูมาขุดคุ้ยดินเอาเมล็ดไปกินเสียกว่าครึ่ง ในกรณีเช่นนี้ก็จำเป็นต้องหาลวดมายกกระถางแขวนเสีย หรือจะวางไว้บนปากไหน้ำก็ได้ เพราะหนูไม่อาจปืนขึ้นมาได้ ต้องรดน้ำกระถางที่เพาะทุกวัน เมื่อต้นยังอ่อนอยู่ต้องระมัดระวังอย่าให้ถูกน้ำแรงเกินไป มิฉะนั้นต้นจะเอน คอยถอนลูกหญ้าซึ่งขึ้นปนมากับดินเพื่อมิให้แย่งอาหาร  สำหรับ เมล็ดไทรนั้น การเพาะต้องใช้วิธีแตกต่างไปจากการเพาะเมล็ดอย่างอื่น เพราะเมล็ดไทรมีลักษณะเป็นผงละเอียดคล้ายเมล็ดเฟิร์น จึงต้องใช้กระถางอัดด้วยรังของกระเช้าสีดา หรือกาบมะพร้าว แล้วขยี้เมล็ดไทรลง ใช้กระจกปิดปากหรือกระถางป้องกันมิให้เมล็ดถูกน้ำพัดเวลารดน้ำ
3.การติดตาต่อกิ่ง
               การติดตาหรือต่อกิ่งสำหรับไม้บอนไซก็ใช้วิธีอย่างที่ทำกันทั่วๆไป การต่อกิ่งอาจทำได้สองวิธี คือทาบกิ่งข้างๆ หรือต่อยอดบน  การ ติดตาก็อาจเลือดติดในที่ๆเหมาะ วิธีนี้ใช้สำหรับไม้ที่หายากหรือเจริญยาก อาศัยตอไม้ชนิดเดียวกันที่มีความแข็งแรง ทั้งอาจมีประโยชน์ที่ต้องการไม้หลายชนิดในตระกูลเดียวกันให้มาอยู่ในกระถาง เดียวกันโดยอาศัยตอๆเดียว เช่นจะทำเฟื่องฟ้ากระถางหนึ่งให้มีหลายสี ก็เลือกเฟื่องฟ้าสีต่างๆ มาต่อกิ่งไว้ในโคนเดียวกัน นอกจากนั้นจะมีประโยชน์ในกรณีที่ต้องการขยายพันธุ์ไม้ชนิดหายากให้ได้มากต้น ขึ้น วิธีติดตาและต่อกิ่งย่อมเป็นที่ทราบกันทั่วไป สำหรับนักเล่นต้นไม้จึงไม่จำเป็นต้องกล่าวไว้ในที่นี้
4.การตัดกิ่งชำ
                การ ตัดกิ่งปักชำนั้น เป็นเรื่องธรรมดาที่นักเล่นต้นไม้กระทำกันอยู่ เกือบไม่ต้องมีการอธิบายในที่นี้ จึงใคร่ขอเสนอข้อเท็จจริงบางประการเท่าที่ได้พบมาเท่านั้น ตามธรรมดาต้นไม้ที่เป็นไม้ประเภทยืนต้นย่อมตัดกิ่งมาปักชำได้ เว้นแต่บางพวกที่มีโพรงในลำกิ่ง เช่น มะเดื่อ ใช้ปักชำได้ ไม้พวกมียางปักชำได้ง่ายกว่าไม้ธรรมดา เช่น ยางอินเดีย ไทร  จะ ขอเล่าวิธีปักชำของญี่ปุ่นเสียก่อน ซึ่งเข้าใจว่าจะนำมาใช้กับการปักชำในเมืองไทยไม่ได้ทั้งหมด เพราะพันธุ์ไม้และดินฟ้าอากาศแตกต่างกัน วิธีของญี่ปุ่นนั้นในเบื้องต้นเขาให้เลือกกิ่งที่แข็งแรงจากบอนไซเองที่โต เกินไปแล้วหรือจากต้นไม้ธรรมดา สำหรับไม้ชนิดที่ผลัดใบอยู่แล้ว ก็ตัดเอาจากต้นไม้ธรรมดา ตัดขนาดเพียง 2 นิ้วครึ่ง และถ้าเป็นไม้ที่มีใบอยู่ก็ตัดออกเสียราว 3 ใน 4 ส่วนของทุกใบคงเหลือไว้เพียง 1 ใน 4 การที่ต้องตัดใบออกเสียบ้างเช่นนี้เพื่อป้องกันมิให้น้ำระเหยจากกิ่งมากเกิน ไป รอยกิ่งที่ตัดมาจะแต่งด้วยมีดคมๆ ตัดครั้งเดียวให้ขาดเป็นรูปปากฉลาม การใช้มีดคมตัด ดีกว่าการใช้กรรไกร เพราะการหนีบด้วยกรรไกรทำให้กิ่งช้ำ ญี่ปุ่นเขาใช้วิธีชำต้นไม้หลายๆกิ่งรวมกันในกระถางเดียว กระถางชำเตรียมดินร่วนไว้ไม่ต้องใส่ปุ๋ย บางคนก็ใช้ผงฮอร์โมนสำหรับต้นไม้ทารอยแผลที่ตัดไว้เสียก่อนเพื่อทำให้รากออก เร็ว แต่ข้อนี้ไม่ใช่เป็นของจำเป็นเขาปักกิ่งไม้ลงในดิน 3 ใน 4 ส่วน ของความยาวของกิ่งตัดไว้ และห้ามมิให้ฝังใบติดลงไปในดินด้วย รดน้ำด้วยกระป๋องฝักบัว เพื่อให้กำลังน้ำอ่อนจะได้ไม่พัดกิ่งโยก  ใน ระยะแรกเขาจะหาที่วางกระถางให้ร่มๆไว้ก่อน และรดน้ำวันละหลายครั้ง ทำให้ใบชุ่มน้ำอยู่เสมอ หลังจากนั้นสองสัปดาห์จึงเอาออกมาเพื่อจึงเอาออกมาให้ถูกแดดเฉพาะตอนเช้า วันละสัก 2-3 ชั่วโมง ต่อมาอีกสัก 1-2 เดือน จึงยกกระถางออกมาให้ถูกแดด เต็มที่ แล้วก็เริ่มให้ปุ๋ยอ่อนๆได้ ญี่ปุ่นเขาจะแยกกิ่งจากกระถางรวมภายหลังการปังกิ่ง 1 ปี และต้องใช้เวลาดัดตัดแต่งอีกราว 4-5 กิ่งที่ปักชำจึงจะเจริญเติบโตมาเข้าลักษณะบอนไซตามที่เจ้าของต้องการ
                สำหรับ การปักชำไม้ในประเทศไทยนั้น คิดว่าทำได้ง่ายกว่าในญี่ปุ่นมาก เพราะอากาศของเรามีความชื้นมากกว่าและทั้งไม่มีฤดูหนาวอันจะก่อให้เกิดความ ความชะงักงันแก่ต้นที่เคยทำมาวิธีที่ตัดโคนกิ่งด้วยมีดด้วยมีดให้เป็นรูปปาก ฉลามนั้นเหมาะดี เพราะโคนกิ่งจะเน่ายากหน่อย แต่ก็เคยใช้ยากันเน่าหรือปูนแดงทาเสียก่อนด้วย ก็ช่วยได้มาก ข้อสำคัญอย่าให้โคนเน่าเสียก่อนก็มีหวังแตกราก
                 ดินที่ใช้ในการปักชำ เคยใช้ดินล้วนๆก็มี ทรายล้วนก็มี แต่บางทีก็ลองผสมให้ดินร่วนก็มี แต่บางทีก็ลองผสมให้ดินร่วน  เช่น ใส่ทรายและอิฐหักลงไปด้วยก็เห็น ก็เห็นกิ่งชำแตกรากอยู่เสมอ แตกเร็วบ้างช้าบ้าง แล้วแต่อายุ ของกิ่งและฤดูที่ปักชำเห็นว่าการปักชำในระหว่างฤดูฝนให้ผลแน่นอนกว่าฤดูแล้ง หรือหนาว แตกรากอยู่เสมอ  ต่อมาเมื่อปักชำหลายครั้งเข้าก็พบว่าอีกวิธีหนึ่งได้ผลมากกว่าจึงขอนำมา กล่าวไว้ในที่นี้ด้วย  คือ การใช้ขี้เถ้าแกลบ ใช้กระถางขนาด 4-6 นิ้ว ชั้นล่างใส่อิฐหักทุบก้อนเล็กๆ รองกันไว้สัก 1 นิ้ว ตอนบนใส่ขี้เถ้าแกลบขึ้นมาจนเต็ม รดน้ำและกดให้แน่น นำกิ่งชำที่แต่งไว้เรียบร้อยแล้ว คือตอนโคนตัดด้วยมีดคมเป็นรูปปากฉลามทาแผลที่โคนด้วยยากันเน่าหรือปูนแดง กิ่งชำไม่ควรยาวเกิน 6 นิ้ว เพราะเกรงว่าน้ำเลี้ยงจะขึ้นไปไม่ถึงยอด ใบที่ติดกิ่งอยู่ตอนโคนปลิดออกเหลือแต่ใบตอนบน ใบที่เหลือก็ควรขลิบออกเสียสักครึ่งหนึ่งหรือ 3 ใน 4 เพื่อมิให้คายน้ำในต้นมาก ใช้ไม้ปักขนาบกิ่งและผูกเชือกให้แน่น เพื่อกันมิให้โยกเมื่อถูกลมหรือรดน้ำการชำนี้แยกชำกระถางละ 1-3 กิ่งเท่านั้นมิได้ชำรวมมากๆกิ่งแบบญี่ปุ่น ฉะนั้นถ้าหาขวดปากกว้างได้ เช่น ขวดกาแฟผงก็ใช้ขวดครอบกิ่งไว้อีกชั้นหนึ่ง ปากขวดแคบกว่ากระถางก็จะเหลือที่ของกระถางให้รดน้ำได้ หรือจะใช้ถุงพลาสติคใสหุ้ม แทนขวดก็ได้ วิธีนี้จะช่วยเก็บความชื้นไว้ได้มาก ทำให้ไม่ต้องรดน้ำบ่อย กิ่งไม้ชำอยู่ในขี้เถ้าแกลบนี้ สัก 2-3 สัปดาห์ก็จะเห็นกิ่งใหม่และใบใหม่แตกออกมา รออีกสัก 2-3 สัปดาห์เมื่อเห็นว่าใบใหม่แก่ดีแล้วก็แสดงว่า มีรากแตกมากก็แยกออกปลูกในกระถางและใช้ดินได้  ตอน ที่เอาออกจากกระถางชำจะเห็นราแตกเต็ม การที่ใช้ขี้เถ้าแกลบซึ่งโปร่งและเบาทำให้ช่วยรักษารากมิให้ขาด ฉะนั้นขี้เถ้าแกลบที่ติดรากอยู่บ้างก็ไม่จำเป็นต้องล้างออก ปลูกลงดินไปเลยก็ได้ ถ้านำมาล้างขี้เถ้าแกลบออกเสียก่อนอาจทำให้รากขาดได้
                       ไม้ ที่นำมาปักชำนั้น โดยปกติตัดจากตอนยอดของกิ่งและเป็นไม้ขนาดเล็กความยาวไม่ควรเกิน 6 นิ้ว กิ่งลักษณะนี้มักปักชำได้ง่าย แต่มีข้อยกเว้นอยู่อย่างหนึ่ง คือต้นไทร กิ่งใหญ่มักปักชำได้ง่ายกว่ากิ่งเล็ก เคยลองตักกิ่งขนาดเท่าแขนยาวราวหนึ่งเมตร เอาลงมาปักลงในพื้นทรายเฉยๆโดยไม่ต้องใช้กระถางไม่เกิน  3 สัปดาห์ ก็แตกกิ่งอ่อนและรากพอจะขุดขึ้นจากกระถางได้แล้ว อย่างไรก็ดีกิ่งชำนี้เมื่อได้มาแล้วควรจะรีบทำการชำทันทีอย่าทิ้งไว้นาน อัตราการออกรากจะสูงมากกิ่งที่ทิ้งไว้ 2-3 วันแล้วจึงชำมักจะออกรากยาก เว้นแต่ได้มีการรักษาความชื้นของกิ่งช่วยไว้บ้าง เช่น แช่น้ำทางโคนกิ่งหรือพรมน้ำให้ชุ่มใส่ถุงพลาสติคเป่าลมมียางรัดแน่นไว้ ก็จะช่วยให้การชำได้ผลกว่าที่จะปล่อยกิ่งตัดไว้ตามบุญตามกรรมหลายวันก่อนปัก ชำ
5. การตอน
              คำ ว่า ตอน นี้เป็นภาษาไทยที่น่าพิศวง ถ้าใช้กับมนุษย์และสัตว์ก็หมายไปในทางลบ คือการกระทำเพื่อมิให้มีการแพร่พันธุ์ต่อไป เป็นการยับยั้งมิให้ปริมาณเพิ่มขึ้น แต่เมื่อนำมาใช้กับต้นไม้ การตอนกลับเป็นการกระทำเพื่อขยายปริมาณให้มาก การตอนต้นไม้เขาทำกันอย่างไร เป็นเรื่องธรรมดาสามัญที่กสิกรและนักเล่นต้นไม้ย่อมทราบกันอยู่ทั่วไป แต่เพื่อความสมบูรณ์ของเรื่องนี้ จึงขอนำมากล่าวไว้บ้าง
              การ ขยายพันธุ์โดยวิธีตอนดีกว่าการปักกิ่งชำหลายประการ คือสามารถเลือกกิ่งใหญ่ๆรวมทั้งกิ่งสาขาตอนแยกออกมาได้เป็นต้นเดียว และอาจรักษาใบไว้ได้ด้วย ฉะนั้นเมื่อนำกิ่งตอนมาทำบอนไซ จึงใช้เวลาน้อยกว่ากิ่งชำหรือเพาะเมล็ด นอกจากนั้นยังอาจเลือกกิ่งที่มีรูปพรรณสัณฐานที่จะนำมาเป็นบอนไซที่งามต้น ใหม่อีกต้นหนึ่งได้ทันที และในเวลาเดียวกันอาจเป็นการแต่งต้นเดิมให้มีรูปทรงดีกว่าเก่า กิ่งตอนดีกว่าเพาะเมล็ดเพราะสามารถได้กิ่งใหญ่และไม่มีรากแก้วง่ายกว่าการ ปลูกและการตกแต่ง
                  การ ตอนต้นไม้ก็คือการกระทำแก่กิ่งไม้ให้เกิดเป็นแผลที่จะทำให้การส่งอาหารและ น้ำไปยังปลายและบริเวณกิ่งที่ต้องการตอนไม่สะดวก ทำให้กิ่งนั้นมีความจำเป็นต้องสร้างรากเพื่อหาอาหารของตนเอง และผู้ตอนก็ถือโอกาสนี้นำความชื้นไปพอกไว้ตรงบริเวณแผล รากก็ย่อมจะออกมาหาอาหาร เมื่อรากแก่ได้ขนาดก็ตัดเอากิ่งที่ติดรากนั้นออกมาปลูกเป็นต้นใหม่
                 การ ตอนต้นไม้แบ่งออกได้เป็นสองอย่าง คือตอนส่วนบนให้รอยตอนถูกอากาศได้ กับการตอนส่วนล่างคือ ใช้ดินทับหรือทาบกิ่งลงในดินมิให้รอยตอนถูกอากาศ การตอนส่วนบนอาจทำได้ 3 วิธี คือเมื่อเลือกบริเวณที่ต้องการจะตอนได้แล้ว วิธีแรกใช้ลวดทองแดงรัดและขันให้แน่นที่กิ่งต่ำลงมาสักหนึ่งนิ้วจากบริเวณ ที่ต้องการให้รากงอก วิธีนี้เป็นการห้ามมิให้รากส่งน้ำเลี้ยงและอาหารขึ้นไปสู่กิ่งที่ต้องการตอน ทำนองเดียวกับคนที่ถูกงูกัด เราก็ใช้ผ้ารัดมิให้พิษงูแล่นขึ้นไปสู่หัวใจ การใช้ลวดทองแดงก็เพื่อมิให้เกิดสนิม ต่อจากนั้นก็ใช้กาบมะพร้าวหรือมอสที่ชุ่มน้ำหุ้มตรงรอยลวดมัดให้แน่น ขนาดของสิ่งที่หุ้มนี้ควรจะเป็นสามเท่าของขนาดของกิ่งเพื่อเก็บความชื้นได้ มาก และใช้แผ่นพลาสติคสใสหุ้มอีกชั้นหนึ่ง  ใช้ ลวดหรือเชือกมัดหัวมัดท้าย ตอนบนปล่อยให้ขอบพลาสติคยื่นเลยมอสออกไปเพื่อสะดวกในการรดน้ำ การใช้พลาสติคใสจะมีประโยชน์ที่ทำให้แสงแดดส่องถึง  และ เมื่อมีรากออกมาก็จะเห็นได้ง่าย เมื่อรากงอกออกแล้วอย่าใจร้อน ถ้ารีบตัดตั้งแต่รากยังอ่อนต้นไม้มักจะตาย ควรรอจนเห็นรากสีน้ำตาล การใช้เวลาตอนช้าเร็วเพียงไรสุดแต่ลักษณะของต้นไม้นั้น บางอย่างก็ออกรากเร็ว เช่นต้นไทร ราว  15 วันก็ตัดกิ่งมาปลูกได้ บางอย่างช้าจนไม่น่าเชื่อ เคยตอนไม้ดัดชนิดหนึ่งที่มีผู้ได้มาจากเขมร ใบคล้ายๆตะโก แต่บางและยาวกว่า ต้องใช้เวลาถึง 4 เดือน ต้นไม้ของญี่ปุ่นบางชนิด เขาใช้เวลาเป็นปี
                  วิธี ที่สองใช้มีดเฉือนลงไปในกิ่งให้ลึกประมาณ 1 ใน 3 ของกิ่ง แล้วเอาเศษกระเบื้องหรือก้นกรวดเหน็บที่แผลไว้เพื่อป้องกันมิให้แผลกลับติด กัน วิธีที่สามก็ใช้วิธีปอกเปลือกอย่างที่เราตอนต้นไม้กันอยู่ทั่วไป วิธีนี้บางทีก็ทำให้กิ่งตายได้ เมื่อปอกเปลือกแล้วควรจะทิ้งไว้สักวันหนึ่ง  เพื่อให้แผลแห้งเปลือกจะไม่ได้ลามไปติดกันอีก        ขั้นต่อไปของสองวิธีนี้ก็คือการเอากาบมะพร้าวหรือมอสหุ้มและห่อด้วยแผ่นพลา สติคดังได้กล่าวไว้แล้วในวิธีที่หนึ่ง
           ความ สำคัญเรื่องการตอนต้นไม้นี้ก็อยู่ที่ต้องรดน้ำทุกวัน อย่าให้ขาดน้ำ ถ้าปล่อยให้แห้งกิ่งอาจจะตาย และคอยสังเกตรากจนแก่ได้ที่แล้วจึงตัด ก่อนจะปลูกลงกระถางควรพยายามเอามอสที่ติดรากออกเสียก่อน ตอนนี้ต้องใช้ความประณีตหน่อย เพราะถ้าดึงไม่ดี รากจะขาดอาจทำให้กิ่งตายได้ ฉะนั้นถ้าเห็นว่าจะเอาออกไม่หมดได้ก็ปล่อยให้ติดรากไปจะดีกว่า ควรเอาลงปลูกกระถางธรรมดาเสียก่อน และอย่าลืมปักไม้มัดให้แน่น รอจนรากเต็มกระถางแล้วจึงเปลี่ยนลงกระถางบอนไซ ตอนนี้จะตัดแต่งรากอย่างไรก็จะไม่ตาย เมื่อลงกระถางบอนไซได้รูปตามที่ต้องการแล้ว ก็เอากระถางลงแช่น้ำเสียสักครึ่งชั่วโมงเพื่อไล่อากาศ ออกให้หมด และทำให้ดินเกาะรากได้แน่นเป็นอันเชื่อใจได้ว่าจะไม่ตาย
            การ ตอนส่วนล่าง คือใช้ดินทับหรือทาบกิ่งนั้น ต้องเลือกกิ่งที่อยู่ติดๆดิน และขนาดพอที่จะดึงให้ต่ำลงโดยไม่หักได้ เฉือนกิ่งตรงที่ต้องการตอนให้ลึก 1 ใน 3 ของกิ่งแล้วเอาเศษกระเบื้องหรือกรวดเหน็บไว้ ทาด้วยฮอร์โมนสำหรับเรียกรากด้วยยิ่งดี คุ้ยดินให้เป็นร่องแล้วกดกิ่งให้ทอดไปตามร่อง ปักไม้และผูกเชือกให้แน่นกันมิให้กิ่งกระดกกลับขึ้นมา เอาดินถมให้แน่นและรดน้ำให้ชุ่มไว้เรื่อย ก็จะมีรากออกได้เหมือนกับการตอนแบบให้ถูกอากาศ วิธีนี้มีข้อเสียตรงที่ไม่อาจทราบว่ารากออกหรือยัง นอกจากต้องหมั่นค่อยๆคุ้ยดินออกมาดู ญี่ป่นเขาสามารถตอนต้นไม้ใหญ่ๆได้ ขนาดลำต้นกว้าง 5-6 นิ้ว ต้องอดทนรดน้ำและรอดูรากออก ซึ่งใช้เวลานานเข้าใจว่าเราก็ทำกับไม้ของเราได้เช่นเดียวกัน
6.การแยกต้น
                 มี ต้นไม้หลายชนิดที่ชอบแตกกอ คือมีลำต้นแผ่ขยายโผล่ขึ้นมาอยู่เรื่อยๆ เช่น ไฮเดรนเยีย โรโค เดนดรอน ต้นไผ่ ทับทิม เป็นต้น เมื่อลำต้นใหม่แข็งแรงดีแล้วก็ย่อมแยกออกเป็นหลายต้นไม้ การแยกก็ดูรู้ว่าเป็นต้นไม้เล็กหรือใหญ่และรากแน่นเพียงใด ถ้าเป็นไม้เล็กก็อาจใช้มีดคมๆ ตัดลงไปให้ตรงแล้วค่อยแซะขึ้นมาจากดินก็ได้ ถ้าเป็นต้นไม้ที่ปลูกไว้นานจนรากแน่นกระถาง อาจต้องเอาออกจากกระถางแล้วค่อยๆ ขลิบรากออกจนกระทั่งตัดต้นออกแยกจากกระถางได้ จนรากแตกดีแล้วจึงลงกระถางบอนไซ การแยกนี้ความยากง่ายอยู่ที่ลักษณะของต้นไม้ด้วย ต้นไผ่เหลืองของสิงคโปร์ลำต้นตรงงาม แต่เปลือกบาง แยกต้นมักจะตายเสมอ จึงต้องเปลี่ยนวิธีตอนเอาตามตาที่อยู่ระหว่างลำ การตอนไผ่ไม่ต้องทำอะไรมากเพียงแต่ใช้มอสหุ้มและห่อด้วยแผ่นพลาสติกรดน้ำสัก 1 เดือนก็ออกรากแยกไปปลูกได้แล้ว การใช้วิธีตอนนี้มีข้อเสียที่ได้ต้นไผ่เล็ก จะต้องใช้เวลาอีก 3-4 ปี ลำต้นจึงใหญ่เท่าขนาดเดิม  มี ไม้บางชนิดที่ออกต้นตามรากได้ หรือที่เราเรียกว่าไหล เช่น ต้นแคแสด ต้นปีบ สาเก มักเห็นต้นเล็กงอขึ้นตามโคนต้นอยู่เสมอ ค่อยๆ เฉือนรากที่ไปสู่ รากใหญ่สักครึ่งหนึ่งและหาเศษกระเบื้องยัดทิ้งไว้ รากตรงโคนไหลจะออกมากขึ้นจนแข็งแรงดีแล้วก็ขุดแยกไปปลูกได้
 7.การล่าพันธุ์ไม้
                  การ ล่าพันธุ์เป็นวิธีที่สนุกและให้ความสำราญแก่นักเล่นต้นไม้มากที่สุด ถ้าผู้นั้นได้กระทำในขอบเขต และใช้เสรีให้อยู่ในวงจำกัดตามกฎหมาย เพราะการหาสัตว์ป่าก็ดี หาไม้ป่าก็ดี มีกฎหมายรองรับแดนกรรมสิทธิ์ของเจ้าของที่ดิน จึงจำเป็นต้องได้รับอนุญาตจากเจ้าของก่อนมิฉะนั้นจะเกิดการละเมิดกฎหมายอาญา ขึ้น สำหรับบ้านเมืองของเราคนไทยเป็นคนใจกว้าง เข้าใจเหตุผลและมีเมตตาผมเคยไปขุดตะโกที่ท้องนาในเขตชลบุรีมาที่หนึ่ง ลำต้นผ่าศูนย์กลางราว 10นิ้ว สูงกว่า4เมตร เข้าไปขอเจ้าของนาก่อน คำตอบคำแรกที่น่าชื่นใจก็คือ เอาไปเถอะไม่รู้จะเอาไว้ทำอะไร หุงข้าวก็จุดไฟไม่ติด เอาไฟเผาหลายหนแล้วก็ไม่ตาย รถจอดอยู่ห่างจากตะโกกว่า5เส้น เมื่อขุดแล้วก็หนักใจว่าจะเอาไปขึ้นรถได้อย่างไร เพราะทั้งดินที่ติดต้นและตะโกนั้นต้องใช้คนหามถึง8คน ยังไม่ทันจะออกปากก็ได้ยินเสียงของลุงเจ้าของตะโกตะโกนเรียกลูกชายให้เอาจอบ มาฟันคันนา4-5อัน เพื่อให้รถถอยเข้ามาได้ ห้ามเท่าไหร่ก็ไม่ฟัง  นี่ แหละคิดจิตใจอันสูงส่งของคนไทยที่คนชาวกรุงเรียกว่า ชาวนาหรือบ้านนอก วันนั้นเป็นอันได้ว่าอิ่มใจในน้ำใจของชาวนามากกว่าการได้ตะโกต้นใหญ่  อีก ครั้งหนึ่งไปหาต้นมะสังที่จังหวัด ปราจีนบุรี ต้องเอารถอ้อมเข้าไปหลังเขาอีโต้ หนทางไม่สะดวกนักเพราะเป็นทางลูกรังและดินเป็นตอนๆ เจ้าของถิ่นทำนา บ้างปลูกไผ่ตงบ้าง ไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย พบเจ้าของไร่รายแรก ก็ขุดต้นเล็กๆ มาจนพอใจแล้วเดินทางกลับ เห็นต้นมะสังต้นใหญ่รูปร่างเป็นอย่างไร คนแถบนั้นเค้าเรียกว่ากะสังไม่ใช่มะสัง แวะเข้าไปบ้าน ที่มีต้นนั้นอยู่ พบลูกสามคนเฝ้าบ้านบอกว่าพ่อแม่ไปทำนาห่างสัก 1 กิโลเมตร จึงขอให้เด็กไปตามมาเพื่อจะขอ เมื่อเด็กไปแล้วมาคิดดูว่าถ้ารอเจ้าของมาเสียก่อนแล้วจึงขุดคงจะหิวแย่ จึงตัดสินใจลงมือขุด ถ้ามีอะไรเป็นที่ขัดใจก็เอาไว้แก้ไขกันภายหลัง ขุดอยู่เกือบชั่วโมง สองผัวเมียก็มาถึง บอกเขาว่าขอโทษที่ขุดก่อนตั้งใจมาขอ เขาก็หัวเราะแล้วบอกว่าเอาไปเถอะ เป็นต้นไม้ขึ้นเองแถวนี้ถมเถไป น้ำใจของชาวนาเราเป็นเช่นนี้แหละ
                    การ เที่ยวขุดต้นไม้ในที่ดินของเอกชนนี้ ผมถือหลักเรื่องการเคารพในกรรมสิทธิ์มาก และวางหลักไว้ว่า เมื่อใครมีน้ำใจดีเราก็ต้องกตัญญู มีอะไรตอบแทนเขาบ้างผมระวังมากเรื่องการเงิน เพราะบางรายเขาตั้งใจดีจริงๆและไม่ต้องการเรียกราคาเป็นผลตอบแทน จึงเตรียมของไว้สำหรับให้เขา เช่น ผ้าเช็ดตัว ไฟแช้ก สุรา น้ำตาล รู้สึกว่าการให้ของตอบแทนเช่นนี้ผู้รับพอใจเพราะแสดงความเป็นกันเองไม่ใช่ใน ลักษณะ ซื้อขายเป็นการค้า ข้อนี้เป็นวัฒนธรรมอย่างหนึ่งของไทยเรา ญี่ปุ่น เขาเล่นบอนไซมากว่า800ปี ฉะนั้นต้นไม้งามๆ ที่มีลักษณะทำบอนไซได้ตามป่าตามภูเขาก็ถูกล่ากันมาเกือบทั้งหมดสิ้น ที่เหลืออยู่ก็เป็นเขตป่าสงวน ซึ่งกฎหมายหวงห้าม แต่ในเมืองเรายังมีต้นไม้อีกมากมาย ทั้งตามสองฝั่งข้างทางตามท้องนา ในป่า บนเขา และตามเกาะ ที่อยู่นอกเขตป่าสงวนอันพอจะหาได้ อย่างไรก็ดี ในระยะ10ปีมานี้ก็มีผู้หาไม้ป่ามาขายที่ตลาดนัดอยู่ทุกสัปดาห์ จึงคิดว่า ถ้าหากได้มีการทำความเข้าใจกันในเรื่องนี้ กำหนดระเบียบวินัยไว้บ้างก็อาจป้องกันการสูญพันธุ์ของไม้บางชนิด มิฉะนั้นเหตุการณ์จะคล้ายกับเรื่องเนื้อสมันตัวสุดท้ายของเราซึ่งถูกยิงตาย ที่จังหวัดกาญจนบุรี เมื่อ ..2474 และไม่อาจหาเนื้อสมันดูได้ที่ไหนอีกแล้ว ไม่ว่าเพื่อเป็นอาชีพหรืองานอดิเรกก็ตาม ถ้าเป็นต้นไม้ชนิดใดชนิดหนึ่ง เช่น มะสัง ตะโก ขึ้นเป็นหมู่อยู่ ก็ขอได้โปรดเหลือต้นใหญ่ๆ ไว้ เพื่อให้มันออกลูกหล่นมางอกเป็นต้นใหม่ได้ต่อไป ก็ว่าจะเป็นทางสืบพันธุ์ไปได้เรื่อยๆ
                       การได้พันธุ์ไม้จากการล่านี้ นับว่าเป็นวิธีที่ดีกว่าทั้ง 6 วิธีกล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะเป็นงานที่ยากกว่าถ้าคนที่ไม่ชอบจริงๆ และไม่มีคนช่วยเหลือแล้วก็ยากที่จะทำได้ สรุปว่าต้องถึงทั้งใจและถึงทั้งคน จะทำคนเดียวไม่มีทางสำเร็จแน่ ใคร่ขอสรุปเหตุผลว่าการล่าพันธุ์ไม้เป็นวิธีที่ดีนั้น ดังต่อไปนี้
                       การเข้าป่าล่าพันธุ์ไม้เป็นการที่ต้องไปต่างถิ่น หรือจะเรียกแผลงตามอย่างภาษาเขมรก็เรียกว่า เทศจร ไปให้พ้นจากชุมชน และจากภาวะสิ่งแวดล้อมอันเราต้องได้รับและทนทุกข์อยู่ในเมือง คืออากาศเสียจากรถยนต์ ควัน ดำซึ่งมีกฎหมายห้ามไว้ชัดแต่มิได้งัดเอาออกมาใช้ ไปให้พ้นจากกลิ่นน้ำเน่าในคลองซึ่งรับน้ำโสโครกจากท่อข้างถนนของเทศบาล พ้นจากเสียงแตรรถยนต์เสียงโทรศัพท์ จิตใจก็เกิดความสงบและเบิกบาน แม้อาหารที่เตรียมไปรับประทานจะอยู่ในขั้นเพียงข้าวห่อก็ดูเอร็ดอร่อยมาก
                     นอก จากนั้นยังได้ประโยชน์ทางทัศนาจร กล่าวคือ ได้เห็นพันธุ์ไม้แปลกๆ ที่ไม่เคยเห็น เห็นกล้วยไม้ที่เกาะอยู่ตามต้นไม้ออกดอกให้ชมตามธรรมชาติ ต้นเทียนขโมยที่เคยซื้อจากตลาดนัดก็ไม่เป็นภัยต่อสังคม แม้นกชนิดต่างๆก็บินและเกาะให้ดูนกบางชนิดก็ร้องได้เพราะกังวาล เช่น นกโพรดก นกเขา นกกระแตแต้แว้ด นกดุเหว่า เสียงเหล่านี้ย่อมให้ฟังได้ยากถ้าอยู่ในเมือง แม้ในสวนสัตว์
                      ใน ป่าโปร่งย่อมได้รับทั้งอากาศบริสุทธิ์และแสงแดด ซึ่งเป็นประโยชน์ต่อร่างกาย บางโอกาสจะได้กลิ่นไม้ป่าหอมชื่นใจเช่นพวกมะลิป่า แก้ว คัดเค้า ปีป การะเวก เป็นธรรมชาติที่มหัศจรรย์และนับวันจะหมดไป เพราะมนุษย์เพิ่มมากขึ้นก็ต้องเผ่าไร่ทำลายป่านั้นเพื่อประกอบอาชีพ
                       การ เข้าป่าหาต้นไม้นั้น ทำให้ต้องเดินจนลืมว่าได้เดินในระยะทางไกลเพียงใด เพราะจะได้พบแต่ธรรมชาติอันงดงามลืมความเหนื่อย เหงื่อออกโชก เมื่อกลับมาแล้วจึงจะทราบว่าได้ออกกำลังไปอย่างมากโดยไม่รู้ตัว    ได้ มีการผจญภัยอย่างแปลกๆ ซึ่งเมื่อพ้นมาได้แล้วก็กลับเป็นของสนุกภูมิใจ พรรคพวกที่เคยไปด้วยพยายามหาต้นตะโกตามโคก แต่เกิดไปยืนอยู่บนหลังงูเหลือมตัวใหญ่ ซึ่งนึกว่าท่อนไม้ ครั้งงูตกใจก็พยายามกระโดดให้สูงแต่ผลกลับมาลงบนหลังงูอีก บางคราวก็ปืนไปหาพันธุ์ไม้แต่กลับถูกแตนต่อยจนปากบวมเจ่อ ถึงกับรับประทานข้าวไม่ได้ เรื่องเหล่านี้เมื่อกลับมาบ้านก็จะกลายเป็นเรื่องสนุกที่จะบรรยายและหัวเรา กันไปได้อีกนาน ครั้งหนึ่งไปหาต้นไม้กันที่เกาะริ้นในอ่าวพัทยาโดยเรือหาปลา ยก อาหารกลางวันไปกินกันใต้ต้นไม้ชายเกาะ ต้องใช้มีดถางทางเข้าไปจนได้ชัยภูมิดี อาหารมื้อนั้นแม่จะมีเพียงผัดพริกขิง ไข่พะโล้ และน้ำพริกมะขามกับปลาเค็ม ก็ดูมีรสชาติกว่าอาหารตามเหลาหรือโรงแรมเป็นไหนๆแต่ก็มีเรื่องตื่นเต้นผสม อยู่บ้างตามเคย ขั้นแรกก็ต้องผจญภัยกับมดตะนอยที่เข้ามาต่อยเวลารับประทานอาหาร มดชนิดนี้ต่อยแล้วได้รสดีกว่ามดแดง ซึ่งถูกกัดกันจนชินเสียแล้วคือทั้งเจ็บทั้งคัน และความรู้สึกทรงอยู่ได้นาน เป็นการเตือนความจำมิให้ลืมสถานที่อันแสนรำคาญนี้ เห็นต้นปรงอยู่บนเขามีอยู่ต้นหนึ่ง ทั้งสูงใหญ่แต่อยู่บนขอบผาพอดี ต้องปืนอ้อมไปทางด้านหลังซึ้งเป็นทางลาด พอขุดเสร็จพรรคพวกคนหนึ่งเกิดพลาดลื่นลงไปทางหน้าผา เกาะต้นไม้ไว้ได้แต่ไม่สามารถดึงตัวเองกลับมาได้ เพราะแรงหมดจากการขุดเสียมากแล้ว ต้องช่วยกันฉุดลากกันทุลักทุเลจึงรอดมาได้และไม่เคยกลับไปที่นั้นอีกเลย
                        ครั้ง หนึ่งไปหาขุดต้นตะโกตามริมทางใกล้จังหวัดนครราชสีมา การจดรถไว้ริมถนนต้องใส่กุญแจให้เรียบร้อยเพาะการทิ้งรถไว้นานๆอาจทำให้มี ผู้สนใจยืมไปใช้ กุญแจใส่ไว้ในกระเป๋าเสื้อ เมื่อได้ต้นไม้เรียบร้อยแล้วจะกลับมาขึ้นรถ หากุญแจไม่ได้แม้ในขณะนั้นจะมีลมพัดโชยอยู่อย่างสบายแต่มันเหงื่อมันออกมา เองจนท่วมตัว คิดไม่ออกว่ารถจอดอยู่กลางดง เมื่อไม่มีกุญแจก็เหมือนไม้ท่อน จะกลับได้อย่างไรตกลงใจไปขุดคุ้ยดินในบริเวณนั้น มีเด็กๆ หลายคนมาหาหน่อไม้ เรียกให้มาช่วย เด็กกลับวิ่งหนี เด็กพวกนั้นเป็นหญิง ก็น่าเห็นใจเขาคงคิดว่าพวกเราคงจะชวนเล่นยี่อิดจะโกรธก็โกรธไม่ลง คุ้ยหาอยู่เป็นเวลานานก็พบ ตั้งแต่นั้นก็ถือมั่นในหลักการว่าต้องรักษากุญแจรถอย่างชีวิต
                          การ เที่ยวหาต้นไม้ได้พยายามไปเกือบทุกภาคมาแล้ว แต่ละภาคก็มีต้นไม้แตกต่างกัน แล้วแต่ดินฟ้าอากาศ สังเกต ได้ว่าทางภาคใต้ไม่สู้มีไม้ที่จะเหมาะแก่การทำบอนไซนัก เพราะอุดมสมบูรณ์ด้วยน้ำ ต้นไม้งามเกินไปเว้นแต่ที่อยู่บนเขา ไม้บอนไซที่หาได้ง่ายมักอยู่ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ เพาะเป็นที่แห้งแล้ง ไม้ไม่เจริญทำให้ลำต้นหงิกงอและมีรูปทรงดี เคยเห็นตะโกหมู่หนึ่งตอนจวนจะถึงชุมแพในเขตขอนแก่น ขึ้นอยู่บนโคก กิ่งก้านหงิกงอและแผ่ออกเหมือนมีคนดัดไว้ให้ เป็นตะโกที่น่าดูกว่าที่เห็นใกล้ๆบริเวณนครราชสีมาหรือที่ชลบุรี แต่ระยะทางห่างกรุงเทพกว่า 700 กิโลเมตร เห็นมีผู้ขุดมาขายที่ตลาดนัด น่าเห็นใจที่ต้องใช้ความพยายามมาก ฉะนั้น แม้เขาจะเรียกราคากันสูงบ้างก็น่าสนับสนุน ต้นมะสังมีมากมายทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือทั้งต้นเล็กและใหญ่ ต้นเล็กจะเลือกรูปทรงอย่างไรก็ได้ เห็นหลายแห่งมีรอยคนขุดไปแล้ว เข้าใจว่าคงเอามาขายที่กรุงเทพ สำหรับต้นกระทุ่มมีมากมายตามท้องนา นาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือผิดกับภาคกลางที่เขาเว้นต้นไม้ใหญ่ๆไว้ต้นตะโกจะ เอาขนาดไหนก็ได้
                           การ หาต้นไม้ตามป่าสมัยก่อน เป็นการเที่ยวด้วยความสบายใจ ไม่ต้องระวังตัวนัก เพราะไม่มีผู้ก่อการร้ายหรือพวกผู้ร้ายเท่าไหร่ เท่าที่ผ่านมาเดชะบุญที่พระคุ้มครองอยู่ จึงไม่เคยประสบเคราะห์กรรมจากพวกผู้ร้ายเหล่านี้ มีแต่พบคนดีๆชาวท้องถิ่นบางคนก็เข้ามาช่วยเสียอีก การพกอาวุธปืนไปด้วยก็ไม่สะดวกนักเพราะถ้าตำรวจพบเข้าก็จะกลายเป็นจำเลยและ แม้จะมีไปเราก็ไม่มีอาชีพทางด้านยิงปืนคงชักออกมาใช้ไม่ทันผู้ร้ายแน่ จึงได้แต่อาราธนาพระเครื่องแขวนคอไปกับเครื่องมือในการขุด นอกจากนั้นยังมีไม้เท้าที่ซื้อจากแอฟริกา อย่างไรก็ดีอะไรก็คงไม่สู้พระรอด คืออย่าให้พบกันเลยดีกว่า เคยได้เชื้อไข้จับสั่นจากภาคใต้มาคราวหนึ่ง ต่อไปก็ระวังตัวด้วยอาศัยยาป้องกัน การเที่ยวหาต้นไม้นี้มีเรื่องคุยกันได้ไม่รู้จบเคยไปถึงเมืองเลย ได้เห็นทิวทัศน์อันงดงาม เห็นผานกเค้าและต้นไม้ใหญ่ๆ น่าเสียดายที่ดงลานกำลังจะหมดไปเพราะถูกตัดทิ้งเสียมาก แต่ก็ได้ประโยชน์จากตอลานที่ยังเหลืออยู่ เพราะมีต้นไทรชนิดต่างๆ ไปเกาะ เช่นชนิดใบใหญ่ ใบยาว และใบนิ่ม บางอย่างก็เหมือนกับที่ได้มาจากเพชรบุรีและปราณบุรี
                         เมื่อ การหาต้นไม้ได้ประโยชน์ทั้งการเที่ยวสนุกและได้ต้นไม้ด้วยเช่นนี้ ต้นไม้ทุกต้นจึงมีประวัติว่าได้มาจากไหนเวลาเอามาลำบากอย่างไร ต้องปีนป่ายเอามาง่าย ทำให้ช่วยจำและสามารถชี้ต้นที่เอามาปลูกได้ทุกต้นว่าเป็นต้นอะไรมีประวัติ อย่างไร
                          การ เข้าป่าล่าต้นไม้เป็นงานที่สิ้นเปลืองน้อยกว่าจะซื้อจากผู้นำมาขาย ค่าใช้จ่ายก็มีแต่น้ำมันรถและอาหารระหว่างทาง แต่สามารถได้ปริมาณมากเท่าที่ต้องการจึงเป็นการเล่นที่ประหยัด นอกจากนั้นยังสามารถเลือกต้นไม้ตามรูปลักษณะที่เราพอใจได้ การเที่ยวซื้อเขาจะจำกัดอยู่เพียงที่เขานำมาขายเท่านั้น
                           ประโยชน์ ของการล่าต้นไม้ยังมีอีกก็คือ เป็นวิธีลัดในเรื่องอายุ เพราะต้นไม้ที่ได้มานั้น มีชีวิตอยู่ในป่าแล้วนานปีเมื่อมาทำบอนไซ ก็กลายเป็นต้นไม้มีอายุมากไปทันที ความสำคัญอีกข้อหนึ่งก็คือ เมื่อเราเข้าไปในป่า เราได้มีโอกาสสังเกตรูปพรรณสัณฐาน ว่ากิ่งก้านสาขารูปร่างเป็นอย่างไร เมื่อเอาต้นเล็กมาก็จะช่วยตกแต่งรูปร่างให้เหมือนต้นจริงได้ มีข้อควรระลึกอยู่เสมอว่าเมื่อเข้าไปในป่าแล้วอย่าเพิ่งดีใจและเกิดความโลภ ควรระงับยับยั้งชั่งใจไว้ไม่ใช่ไปเห็นต้นไหนก็ขุดมาเลย ควรใช้เวลาตรวจเลือกเอาแต่เฉพาะต้นที่ดีมีรูปงามจริงๆ มิฉะนั้นจะเสียแรงเปล่าและจะไม่มีที่สำหรับบรรทุกกลับมา

ต่อ ไปนี้จะลองศึกษาถึงเรื่องต่างๆ ในการล่าต้นไม้ว่า ควรมีหลักเกณฑ์อย่างไรบ้าง เพราะการออกไปครั้งหนึ่งย่อมเปลืองทั้งค่าใช้จ่ายและเวลา ฉะนั้นควรให้งานนี้ได้ผลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้  เท่าที่นึกได้ควรมีหลักการดังนี้
ก่อน อื่นจะต้องตั้งเป้าหมายให้แน่นอนว่าเราต้องการล่าต้นไม้ชนิดใด เพื่อหาพื้นที่และกำหนดเส้นทางที่จะไปให้เหมาะสม เช่น เราคิดจะหาต้นไทรชนิดต่างๆมาปลูกก็อาจต้องนึกถึงแหล่งที่มีดงตาลหรือดงลาน เช่นทางเพชรบุรี นครปฐม ปราณบุรี และดงลานที่จังหวัดเลย เพราะธรรมชาติของไทร เมล็ดชอบงอกและขึ้นอยู่ตามกาบของปาล์มทั้งสองชนิด นอกจากนี้อาจต้องคิดถึงเกาะและภูเขา เพราะไทรชอบขึ้นอยู่ตามหิน ที่ถนนระหว่างสัตหีบ-พนัสนิคม มีตำบลหนึ่งเรียกว่าภูไทร ชื่อย่อมแสดงความหมายอยู่ในตัวแล้วว่าภูเขาที่มีไทร นอกจากนั้นจะสังเกตได้ง่ายว่าที่ที่มีไทรมักมีไม้ตระกูลเดียวกัน (Ficus) ขึ้นปนอยู่เสมอเช่น โพธิ์ เลียบ ไกร กร่าง  ถ้าคิดจะไปหาตะโกก็มีแหล่งอยู่มากมาย ทางใต้ก็มีตั้งแต่สุพรรณบุรียันประจวบคีรีขันธ์  ด้าน ตะวันออกก็มีทางชลบุรี ทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีแทบทุกจังหวัดรวมทั้งกระทุ่มและมะสัง ส่วนไม้เบญจพันธุ์อื่นๆก็เลือกหาได้อีกมากมายตลอดริมทาง ตามป่า เช่น พวกไม้ดำ มะค่า ไม้แก้ว โมกข์และอื่นๆ เมื่อกำหนดที่ที่จะไปได้แน่นอนแล้วก็กำหนดเวลาไปกลับและเวลาที่จะใช้ในการ ขุดได้ว่าจะกลับในวันเดียวหรือต้องพักนอนด้วย การศึกษาถึงแหล่งต้นไม้ก่อนไปขุดจะไม่มีทางผิดหวังและกลับบ้านมือเปล่า
ฤดูที่ จะขุดต้นไม้มีความสำคัญมากควรเลือกระยะเวลาที่แห้งแล้ง ไม้กำลังอดอาหารและจวนจะผลัดใบ ถ้าไปขุดในฤดูที่ไมกำลังผลัดใบหรือมีใบใหม่ออกมาทั่วต้นแล้วมักไม่ได้ผล ฉะนั้นเวลาที่เหมาะแก่การออกล่าคือระหว่างมกราคมถึงเมษายน ในระยะนี้แดดจัดดินแห้ง และไม้ยังไม่ผลัดใบ การขุดก็ง่ายดินไม่แตกและเดินหาต้นไม้ก็สะดวกที่ไม่ต้องย่ำโคลน ต้นไม้ที่ขุดมาแล้วนั้นสังเกตได้ง่ายถ้าเป็นระยะที่จวนจะผลัดใบ หลังจากปลูกแล้วราว 4-5 วันใบจะร่วงหมด ถ้าพบลักษณะนี้แล้วก็สบายใจ เพราะอีกราวสัปดาห์เดียวใบอ่อนและแขนงก็จะแตกเต็มต้น แต่ถ้าต้นไหนใบไม่ร่วงแต่ใบเฉาทั้งติดอยู่กับต้น ก็วางใจได้ว่าตายแน่ การขุดต้นไม้ในฤดูฝนไม่ดีแน่ เพราะตั้งแต่ตอนบุกเข้าไปหา ต้นไม้ก็ต้องย่ำโคลน เมื่อขุดดินก็เหลวไม่สามารถเก็บดินให้รักษารากไว้ได้ อย่างไรก็ดี โดยที่เนื้อที่ของประเทศไทยมีอาณาบริเวณกว้างขวาง ฤดูฝนแต่ละท้องที่อาจแตกต่างกันได้ เช่นในภาคกลางฝนจะเริ่มตกชุกในเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไป แต่ทางด้านชายทะเลฝั่งตะวันออกฝนจะชุกมากในเดือนตุลาคม
การขุด ต้นไม้จากป่าเป็นงานที่ต้องใช้กำลังมาก นอกจากต้องเตรียมคนที่มีความชำนาญไปอย่างพอเพียงแล้ว ประการแรก พาหนะที่จะใช้บรรทุกต้นไม้กลับมาต้องเป็นรถที่มีหลังคา เช่นรถกระบะใส่หลังคา  หรือถ้าขุดแต่น้อยต้นก็อาจใช้รถนั่ง เพราะต้นไม้ที่ถูกตัดรากแก้วมาแล้วนั้น  ถ้า ต้องถูกแดดซ้ำเข้าอีกก็ยิ่งเพิ่มความบอบช้ำและตายได้ง่าย เครื่องมือสำหรับขุดเดิมใช้จอบ พลั่วและเสียม แต่เมื่อลองทำดูสองสามครั้ง เห็นว่าได้ผลน้อยกว่าที่ควร เพราะการใช้จอบฟันลงในดินกว่าจะลึกถึงเขตที่ต้องการจะต้องคุ้ยดินขึ้นมามาก จึงลองเอาเหล็กเส้นขนากหนึ่งนิ้วยาว 1 เมตร ให้ช่างตีปลายด้านหนึ่งให้แบนเหมือนชะแลงและใช้เครื่องลับให้คม นับว่าได้ผลดีกว่ามาก จะต้องเตรียมเลื่อยสำหรับตัดรากใหญ่ กรรไกรใหญ่สำหรับตัดกิ่งใหญ่ และกรรไกรมือสำหรับขลิบกิ่งเล็กไปด้วย นอกจากนั้นก็มีผ้าพลาสติค กระสอบเก่าและเชือกสำหรับห่อมัด กับมีดโต้และขวานสำหรับถากดินและตัดไม้
เมื่อ ไปถึงบริเวณที่มีต้นไม้ที่เราต้องการ เช่น ตะโก มะสัง กระทุ่ม ก่อนอื่นควรพิจารณาต้นไม้เหล่านั้นขนาดใหญ่ๆเสียก่อน ว่ามีรูปพรรณสัณฐานเป็นอย่างไรเพื่อเลียนแบบเวลาทำบอนไซจะได้จัดลักษณะให้ ใกล้เคียงกันได้ เพราะหลักของการทำบอนไซก็คือ การย่อส่วนให้ต้นไม้ชนิดนั้นมีขนาดเล็กกว่าของจริง แต่มีรูปร่างใกล้เคียงกับของจริง ประการต่อไปก็ไม่ควรใจร้อน เดินสำรวจบริเวณทั่วๆไปเพื่อเลือกขุดแต่เฉพาะต้นที่มีลักษณะดีเท่านั้น เพื่อเป็นการประหยัดทั้งแรงงานและเวลา เพราะการล่าต้นไม้เป็นงานที่ต้องทำในวันเดียว ขุดได้แล้วต้องปลูกให้ทันในวันนั้น ถ้าปล่อยทิ้งไว้หลายวันโอกาสที่ต้นไม้จะตายย่อมมีมากขึ้น
การขุด ถือหลักที่ว่า ต้นและกิ่งกับรากต้องมีส่วนสัมพันธ์กันและต้องมีดินติดรากแน่นมากับต้นด้วย เสมอ ฉะนั้นจะขุดห่างลำต้นเพียงใดย่อมขึ้นอยู่กับขนาดของลำต้นและกระถางที่จะใช้ ปลูก กล่าวคือเมื่อนำมาปลูกแล้วกระถางต้องมีความจุพอที่จะรับดินและรากซึ่งพอจะ เลี้ยงลำต้นได้ เมื่อได้กะประมาณเป็นที่พอใจแล้วก็ขีดวงกลมรอบต้นตามขนาดที่ต้องการ ใช้ชะแลงที่เตรียมมาแทงไปรอบๆต้น ชะแลงจะแทงลึกลงไปทุกที การแทงไม่ต้องออกแรงมาก เพราะเหล็ก 1 นิ้วยาว 1 เมตร มีน้ำหนักช่วย เมื่อเห็นว่ามีความลึกพอสมควรก็คุ้ยดินออกแล้วค่อยๆ แทงชอนเข้าไปหาส่วนกลางโดยรอบจนพบรากแก้ว ใช้เลื่อยตัด ยกออกมา ก็จะเป็นต้นไม้ที่มีดินติดโคนอยู่ เหมือนรูปต้นไม้ที่อยู่ในกระถาง ต่อจากนั้นรีบเอาผ้าพลาสติคหรือกระสอบเก่าที่เตรียมไว้ห่อพันดินโดยรอบ รัดให้แน่นและใช้เชือกมัด สังเกตุให้แน่ใจว่าในระหว่างการเดินทางกลับรถจะกระเทือนดินก็จะไม่แตก
ก่อน การขุดต้องมีการตัดกิ่งที่จะเกะกะกีดขวางต่อการขุดออกเสียก่อน เมื่อขุดและห่อแล้วจะต้องพิจารณาเรื่องกิ่งอีกครั้งหนึ่ง กิ่งใดที่ไม่จำเป็นจะต้องเลี้ยงไว้ก็ตัดออกให้หมดเสียก่อน เพราะการเอากิ่งไม่จำเป็นไว้มาก นอกจากจะต้องมาตัดภายหลังเวลาจะตกแต่งให้เป็นรูปที่ต้องการแล้วยังเป็นการ ดึงเอาน้ำเลี้ยงในต้นมาใช้มากเกินไป ต้นไม้ที่ได้รับความกระเทือนเพราะถูกตัดรากแก้ว ถ้ามีกิ่งมากเกินไปก็จะตายง่าย ต้นกระทุ่มเป็นตัวอย่างอันดี เคยปล่อยลำต้นไว้ยาวและกิ่งหลายกิ่งเพราะเห็นว่ารูปทรงดีแต่ตายหมด สู้ตัดต้นให้สั้นและไม่มีกิ่งเลยกลับเป็นง่าย
เมื่อ ได้ต้นไม้ตามที่ต้องการจนเป็นที่พอใจแล้วต้องรีบกลับบ้านมาปลูกทันที การปลูกควรทำอย่างไรก็ขึ้นอยู่กับขนาดของต้นไม้และกระถาง การปลูกในตอนนี้เรียกว่าเป็นขั้นแรกสำหรับเตรียมไว้ชั้นหนึ่งก่อน เมื่อเห็นว่ารากเดินและเจริญดีแล้วจึงจะเอาขึ้นมาตัดรากลงกระถางบอนไซอีก ชั้นหนึ่ง การปลูกในครั้งแรกนี้ก็ศึกษาจากธรรมชาติของต้นไม้ กล่าวคือ ต้นไม้ป่าที่ขึ้นตามธรรมชาติอยู่นานแล้ว ดินย่อมอัดแน่นอยู่กับรากจนไม่มีอากาศเข้าไปได้ ฉะนั้นเมื่อนำต้นไม้ที่มีดินเกาะรากมาลงกระถางก็ใช้ดินที่เพิ่มกวนกับน้ำให้ เป็นโคลนเสียก่อนแล้วหยอดลงไปในกระถาง โคลนจะแทรกซึมเช้าไปทั่วและไล่อากาศออก ต้นไม้จะไม่รู้สึกว่าตัวมีการเปลี่ยนแปลงจากที่เคยดำรงชีวิตอยู่ก่อนถูกขุด ถ้าจะปลูกใช้ดินธรรมชาติอัดไปปลูกแล้วก็ควรเอาน้ำกระถางแช่น้ำ เสียสัก10นาที เพื่อให้ไล่ลมออกหมด ถ้ายังไม่อยากลงกระถางจะใช้วิธีชำไว้ก่อนก็ได้ คือถ้าห่อด้วยพลาสติคก็เจาะรูข้างๆ และตอนล่างเพื่อให้ระบายน้ำได้ ถ้าห่อด้วยกระสอบก็ตรวจว่าได้รัดแน่นไว้แล้ว นำต้นไม้ที่ห่อไปนั้นไปวางชิดๆ กันในที่ร่ม หมั่นรดน้ำและพรมใบให้ชุ่มอยู่เสมอ ถ้าพื้นดินเป็นที่ทรายก็ขุดเป็นแอ่งลงไปหน่อยแล้วจึงเอาต้นไม้วาง รดดูสักสองสัปดาห์ เมื่อเห็นว่าไม่เฉาและเริ่มผลิใบอ่อนหรือยอด จึงนำมาปลูกต่อไป        ผม ได้ทำต้นไม้ที่ขุดมาตายไปเสียเป็นจำนวนมากแล้วในที่สุดจึงได้ใช้วิธีกล่าว ข้างต้น นับว่าได้ผลดี เกือบจะไม่มีตายเลย จึงใคร่วอนผู้ที่ขุดต้นไม้จากป่ามาขายได้โปรด ทำด้วยความระมัดระวังอย่างรอบคอบ เพราะการที่เราขายต้นไม้เขาไปนั้น หมายความว่าเป็นต้นไม้ที่ใช้ปลูกได้ จึงจะยุติธรรมต่อเงินที่เขาเสียไป มิใช่ขายไปในลักษณะผีถึงป่าช้า ผู้ซื้อถูกเข้าบ่อยๆ ก็จะพากันเข็ด  มีต้นไม้อยู่ประเภทหนึ่งที่ไม่ต้องการความพิถีพิถันในการขุดนักและตายยากคือพวกที่อยู่ในตระกูล ficus เช่นโพธิ์ ไทร กร่าง เลียบ ต้นยางแบบยางอินเดีย-รับเบอร์ ต้นไม้พวกนี้มีความคงทนและไม่ต้องการดินมากนัก ขึ้นอยู่ตามต้นตาล เกาะต้นไม้หรือหินอยู่ก็ได้ ฉะนั้นการล่าต้นไม้ประเภทนี้ เพียงแต่ใช้ชะแลงงัดหรือใช้เลื่อยตัดให้พอมีรากอยู่บ้าง ตัดกิ่งที่ไม่จำเป็นออก ก็เอามาได้โดยไม่ต้องมีดินหรือห่อแต่อย่างใด มาถึงก็ปลูกได้เลยไม่ต้องชำ  ได้อ่านตำราของผู้เล่นในสมัยก่อนที่เล่นตะโก  การ ขุดล้อมตะโกจากป่า เขาใช้วิธีขุดล้อมไว้ก่อนจากด้านหนึ่ง โดยตัดรากออกบางส่วน รอยรากที่ถูกตัดก็ลนไฟหรือทาปูนไว้ แล้วกลบดินไว้ตามเดิม รอไว้ส

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น