วันพุธที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2554

การจัดสวนถาด


สวนถาด








คือ
การจัดปลูกต้นไม้ลงในภาชนะขนาดเล็ก ให้เกิดความสวยงาม โดยใช้หลักศิลปะช่วยตกแต่ง สวนถาดต่างจาก บอนไซ คือ บอนไซ เป็นการจัดไม้ชนิดเดียวในกระถาง แต่สวนถาดใช้ต้นไม้กี่ต้นก็ได้ ไม่จำกัด และกี่ชนิดก็ได้




ประโยชน์ของสวนถาด
1. ใช้เป็นของขวัญ ของฝาก ของที่ระลึกในโอกาสสำคัญ มีราคาถูก และมีอายุยืน กว่าการให้ดอกไม้สด
2. มีคุณค่า ทางด้านจิตใจสูง เกิดความสุขจากการได้ใกล้ชิดธรรมชาติ

3. ทำเป็นอาชีพเสริม เพิ่มรายได้ให้แก่ครอบครัว (ไม่รวยแต่สามารถพออยู่พอกินได้)
4. จัดเพื่อการศึกษาด้านการเกษตร เช่นศึกษาการเจริญเติบโตของพืช วิธรขยายพันธุ์ (มีบรรจุในหลักสูตร ชั้นมัธยมต้น)

รูปแบบของการจัดสวนถาด มี 2 ประเภทคือ

1. การจัดปลูกไม้ดอก หรือไม้ใบ รวมกันเพื่อให้เกิดความสวยงามแบบ การจัดแจกันดอกไม้สด ดอกไม้แห้ง (Combination)

2. การจำลองทิวทัศน์ธรรมชาติ หรือ จำลองเรื่องราวต่างๆลงในภาชนะขนาดเล็ก (Landscape) เช่นสวนหย่อม ลักษณะป่าเขา ลำธาร



ความรู้พื้นฐานในการจัดสวนถาด ได้แก่ ความรู้ด้านองค์ประกอบศิลป และเรื่องพืชกรรม

1.ความรู้พื้นฐานด้านศิลปะ อาทิเช่น

1.1 เส้นสาย ที่ปรากฎในสวนถาด ได้แก่เส้นของภาชนะรองรับ , ต้นไม้ดอกไม้ ทิวทัศน์ ที่เป็นทางเดิน หากเป็นเส้นตรง หรือเส้นโค้ง จะช่วยสร้างอารมณ์และความรู้สึกที่ผ่อนคลาย รวมทั้งช่วยให้ดูพื้นที่กว้างขึ้น
1.2 รูปทรง ได้แก่รูปทรงของต้นไม้ ภาชนะ และวัสดุตกแต่งให้กลมกลืน

1.3 สี สีเฉดร้อน-เย็น , สีอ่อน-แก่ จะช่วยให้กลมกลืนและ เกิดความแตกต่างเพื่อหนีจากความจำเจ หรืออึดอัด

1.4 ผิวสัมผัส คือการดูภาพรวมของต้นไม้ จากตาจะเห็นความละเอียดความหยาบ ของใบไม้ ดอกไม้ ที่มาจัดรวมกัน เพื่อให้เกิดความแตกต่าง และกลมกลืน

1.5 จังหวะหรือระยะ การวางต้นไม้ และวัสดุ แต่ละชิ้น ให้เกิดความสมดุลย์ไม่ให้เอียงไปทางใดทางหนึ่ง

1.6 สัดส่วน คืดการเปรียบเทียบขนาดของสิ่งของ หรือต้นไม้ที่อยู่ในบริเวณเดียวกัน ให้มีสัดส่วนที่สมดุลย์กัน

1.7 ความแตกต่าง เป็นการนำเอาองค์ประกอบที่มีลักษณะต่างกันมารวมกัน เช่นนำความแตกต่างของสี , รูปทรง , ผิงสัมผัส มาจัดรวมกันจะเกิดความงามและกลมกลืน

1.8 จุดสนใจ / จุดเด่น ของสวนถาด สร้างจินตนาการว่าจะโชว์อะไร โดยดูจากต้นไม้ที่มีอยู่ก่อน จากนั้นสร้างจุดรอง จุดเสริมที่กลมกลืน

1.9 ความกลมกลืน เป็นการจัดองค์ประกอบ ทั้งหมดที่พูดถึงให้เกิดความพอเหมาะพอดี ความกลมกลืนมิได้หมายถึง เฉพาะการจัดตังองค์ประกอบที่คล้ายกันหรือเหมือนกันเพียงอย่างเดียว แต่ความกลมกลืน อาจเกิดจากสิ่งที่แตกต่าง หลากหลาย มารวมกันอย่างเหมาะสมสวยงามก็ได้


2.ความรู้ด้านพืชกรรม ในการจัดสวนถาดควรรู้ในเรื่อง

2.1 ชนิดของพันธุ์ไม้ การเลือกพันธุ์ไม้ที่ใช้ในการจัดสวนถาดแบ่งเป็น 3 ประเภท คือ- ประเภทไม้ในร่ม คือพันธุ์ไม้ที่ต้องการแสงรำไร ไม่ต้องการแสงแดดจัด และอยู่ในที่ค่อนข้างชื้น ได้แก่ เฟินบางชนิด , คล้า- ประเภทไม้กลางแจ้ง คือพันธุ์ไม้ที่ต้องการแสงมาก ต้องอยู่กลางแจ้ง จึงเจริญเติบโต หรือมีดอกเช่น ไม้ดอกเกือบทุกชนิด- ประเภทกลุ่มแคกตัส และไม้อวบน้ำ ซึ่งอยู่ได้ทั้งแดดทนต่อสภาพ แห้งแล้ง และทนทานต่อการอยู่ในร่มได้ดี

2.2 ปัจจัยที่เกิดข้องกับการเจริญเติบโตของพืช ได้แก่ลักษณะทางพันธุกรรม ของพืชเช่นไม้ยืนต้น ไม้ล้มลุก ไม้เลื้อย ไม้โตเร็ว โตช้า ไม้ใหญ่ ไม้แคระ เป็นต้นนอกจากนั้นยังต้อง คำนึงถึงปัจจัยภายนอก ของต้นไม้ ได้แก่ ดิน แร่ธาตุ น้ำ แสงสว่าง และภูมิอากาศ

2.3 การขยายพันธุ์พืช เพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ และลดต้นทุน

2.4 การตกแต่งบำรุงรักษา เพื่อยืดอายุ และรักษาความงามของต้นไม้นั้นๆให้คงอยู่ได้นาน อย่างไรก็ตามต้องเข้าใจในสัจจะธรรมของสวนถาด ที่ต้องมีวันสิ้นสุด เมื่อถึงเวลาที่บางต้นตาย บางต้นโตเกินที่จะบรรจุในภาชนะเล็กๆ บางต้นรูปทรงไม่สวย จะต้องมีการย้ายออกปลูกในกระถางอื่นแทน หรือ จัดปลูก ซ่อมเสริมต่อไป


3. วัสดุอื่นๆที่ใช้ประกอบการจัด เช่น หิน กรวด ทราย ตอไม้ ตุ๊กตาจำลอง การที่เรามีความรู้ในหลักศิลปการจัดและความรู้ด้านพืชกรรม จะเป็ฯแนวทางในการปฏิบัติงาน ช่วยให้เรามั่นใจในการจัดสวนถาดมากขึ้น สามารถวินิจฉัย และวิจารณ์คุณค่าของผลงานได้และช่วยให้เรามีแนวทางในการพัฒนาฝีมือของตนเองอีกด้วย


 
5. เริ่มลงมือใส่ต้นไม้ โดยหันด้านที่สวยงามออกทางมุมมองที่สำคัญ ตัดแต่งรูปทรงให้ดูสวยงาม

6. ตบแต่งและเติมผิวดิน ให้เรียบและสวยงาม พร้อมใส่ปุ๋ยละลายช้า

7. กลบผิวดินด้วย หิน กรวด ตกแต่งให้เหมาะสมด้วยวัสดุตกแต่ง

8. รดน้ำด้วยฝักบัวอ่อนๆ ให้ชุ่ม -

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น